บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งข่าวว่า ฮอนด้า จัดแสดงนวัตกรรม ได้แก่ เทคโนโลยีเพื่อการเคลื่อนที่ (Mobility) โรโบติกส์ (Robotics) และการจัดการพลังงานสุดล้ำ(Energy Management) อีกทั้งเสนอแนวคิดของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อในงานแสดงนวัตกรรม เทคโนโลยี และสินค้าอิเลกทรอนิคส์ เพื่อผู้บริโภคระดับโลก หรืองาน CES 2019 (The Consumer Electric Show 2019)ที่จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้
ซึ่งครั้งนี้ เทคโนโลยีที่จัดแสดง มีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับคุณภาพ และเพิ่มศักยภาพการใช้ชีวิตเพื่อสร้างสรรค์โลกที่สะอาด ปลอดภัย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นโดยมีการสาธิตเทคโนโลยีการเชื่อมต่อภายในรถยนต์ผ่านรถยนต์ ฮอนด้าพาสสปอร์ตโฉมใหม่ปี 2019 และครั้งแรกของการเผยโฉมต้นแบบยนตรกรรมออฟโร้ดขับเคลื่อนอัตโนมัติ Honda Autonomous Work Vehicle ที่ผ่านการทดสอบการใช้งานจริง ซึ่งเป็นพาหนะต้นแบบรุ่นใหม่ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากความฝันของทีมวิศวกรฮอนด้า
นวัตกรรมของฮอนด้าที่จัดแสดงในงานนี้สะท้อนความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่พร้อมนำเสนอคุณค่าใหม่ และยกระดับการใช้ชีวิต และเผยให้เห็นวิสัยทัศน์ในการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในด้านเทคโนโลยี เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยผู้ที่สนใจร่วมเป็นพันธมิตร สามารถมาเยี่ยมชมบูทฮอนด้า หมายเลข #7900ภายในงาน ณ บริเวณ NorthHall ของ Las Vegas Convention Center
ฮอนด้าอินโนเวชันส์ ซึ่งเป็นหน่วยงาน R&D หนึ่งของฮอนด้าตั้งอยู่ในซิลิคอน แวลลีย์ พร้อมเปิดเผยความร่วมมือใหม่ๆ กับกลุ่มธุกิจสตาร์ทอัพ และแบรนด์พันธมิตรชั้นนำเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมแบบเปิด (Open Innovation)ผ่าน Honda Developer Studio และ Honda Xcelerator เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่พร้อมทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งสร้างการขับเคลื่อนเพื่อการค้นพบ และทดลองเทคโนโลยี และแนวคิดใหม่ๆตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการส่งเสริม และเปิดกว้างในการสร้างสรรค์นวัตกรรมแบบเปิด (Open Innovation)
นิค ซูกิโมโตะ ซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า อินโนเวชันส์กล่าวว่า ฮอนด้ากำลังมองหาพันธมิตรใหม่ ที่ต้องการร่วมมือกับเราเพื่อพัฒนา และทดลองแนวคิดทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ร่วมกัน และงาน CES คือ เวทีสำคัญที่เหล่าพันธมิตรทางธุรกิจในด้านต่างๆ ได้มาพบปะเพื่อแสวงหาโอกาสในการสร้างความร่วมมือกันซึ่งสอดคล้องกับหลักการสร้างสรรค์นวัตกรรมแบบเปิดที่จะทำให้ฮอนด้าสามารถสร้างคุณค่าใหม่ๆ ในด้านเทคโนโลยีเพื่อการเคลื่อนที่ (Mobility) เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้คน และตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการสร้างสังคมคุณภาพเพื่อการใช้ชีวิตของผู้คนอย่างมีความสุขและเป็นสังคมปลอดอุบัติเหตุ (Collision Free Society)
ผลิตภัณฑ์ต้นแบบ และแนวคิดทางเทคโนโลยี ที่ฮอนด้านำมาจัดแสดงในงาน CES 2019 ประกอบด้วย
Honda Autonomous Work Vehicle
ต้นแบบยนตรกรรมออฟโร้ดขับเคลื่อนอัตโนมัติ เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงาน
ฮอนด้าจะแสดงการทดสอบในสภาวะการใช้งานจริงของ Honda Autonomous Work Vehicle ต้นแบบยนตรกรรมออฟโร้ดขับเคลื่อนอัตโนมัติ ที่ผสานคุณสมบัติของรถ ATV (All-Terrain Vehicle) ของฮอนด้า และเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติอันล้ำสมัยเข้าด้วยกันซึ่งได้รับการออกแบบโดยศูนย์วิจัย และพัฒนาฮอนด้า อาร์ แอนด์ ดี ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในการทำงานสำหรับหน่วยงานราชการ และธุรกิจต่างๆ เพื่อใช้ในงานก่อสร้าง เกษตรกรรม ภาระกิจค้นหาและช่วยชีวิต ตลอดจนการดับเพลิง
โดย Honda Autonomous Work Vehicle ใช้ช่วงล่างของรถ ATV ของฮอนด้าซึ่งผ่านการพิสูจน์ และเป็นที่ยอมรับมายาวนานกว่า 30 ปีซึ่งมีจุดเด่นในการบุกตะลุยพื้นที่ทุรกันดารที่เข้าถึงยาก ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่แข็งแรงและสมบุกสมบัน มาพร้อมระบบจีพีเอสและระบบขับขี่อัตโนมัติที่ทำงานด้วยเซ็นเซอร์ซึ่งสามารถนำทางยานพาหนะได้ในทุกสภาพแวดล้อม
อีกทั้งแท่นยึดอุปกรณ์ที่ออกแบบเป็นพิเศษให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้ไม่จำกัด และมีแหล่งพลังงานที่ติดตั้งอยู่ในตัวรถ ซึ่งนับตั้งแต่เผยโฉมครั้งแรกในงาน CES 2018 ในชื่อ 3E-D18 ฮอนด้าได้ทำงานร่วมกับพันธมิตร เช่น บริษัทผู้ให้บริการด้านพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา หน่วยงานควบคุมไฟป่าในโคโลราโดและวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์การเกษตร และสิ่งแวดล้อมในแคลิฟอร์เนียเพื่อทดสอบและประเมินผลลักษณะการใช้งานจริงในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันโดยHonda Autonomous Work Vehicle ยังอยู่ในขั้นตอนของการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องซึ่งฮอนด้ายังคงแสวงหาพันธมิตรอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาอุปกรณ์เสริมและขยายขีดความสามารถในการใช้งานขยายประเภทธุรกิจที่ต้องการใช้งานพาหนะประเภทนี้และพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติและเซ็นเซอร์เพื่อปรับปรุงระบบขับขี่อัตโนมัติแบบออฟโร้ด หน่วยงานธุรกิจและพันธมิตรทางเทคโนโลยีที่มีความสนใจสามารถติดต่อทางฮอนด้าได้ที่อีเมล์ AWV@hra.com
SAFE SWARM™สร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
SAFE SWARM™ คือแนวคิดที่แสดงให้เห็นถึงความฝันของฮอนด้าในการสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุให้เกิดขึ้นจริง ทำให้การจราจรลื่นไหล และปลอดภัย ผ่านการเชื่อมต่อเทคโนโลยีในรถยนต์ที่สามารถสื่อสาร และเชื่อมโยงถึงกัน ฮอนด้า อาร์ แอนด์ ดี ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติในการพัฒนาแนวคิด SAFE SWARM™ โดยมีจุดประสงค์ให้รถยนต์สามารถสื่อสารกันผ่านระบบไร้สาย และการจราจรมีความลื่นไหล และคล่องตัวเหมือนการเคลื่อนไหวของฝูงปลา SAFE SWARM™ ใช้เทคโนโลยี Vehicle-to-Everything (V2X) เพื่อให้รถยนต์สามารถติดต่อสื่อสารกับรถยนต์คันอื่นที่อยู่รอบข้าง และแชร์ข้อมูลสำคัญ
อาทิ ตำแหน่งและความเร็วของรถ ซึ่งข้อมูลต่างๆ นี้ จะช่วยให้ผู้ขับขี่รถยนต์หรือระบบขับขี่อัตโนมัติสามารถนำข้อมูลมาประมวลผลร่วมกับเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งภายในรถเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลภายใต้สภาพแวดล้อม สภาพการจราจรรอบตัว เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในสถานการณ์ที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้
ฮอนด้าเชื่อมั่นว่าการเชื่อมโยงผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนเข้าด้วยกันจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมในการเดินทางที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ลดจำนวนอุบัติเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น และในที่สุด จะนำไปสู่การสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง
หลังจากการเปิดตัวแนวคิด SAFE SWARM™ ครั้งแรกในงาน CES 2017 ฮอนด้าได้ทำการทดสอบในสนามปิดและจะทำการประเมินแนวคิดนี้ในสภาพแวดล้อมการขับขี่จริงที่ 33 Smart Mobility Corridor ในรัฐโอไฮโอ ซึ่งจะเป็นเส้นทางถนนที่มีการเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างรถยนต์และระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการจราจรแบบต่อเนื่องที่ยาวที่สุดในโลก เพื่อให้การทดสอบ SAFE SWARM™มีความรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ฮอนด้ากำลังมองหาพันธมิตรด้านวิจัย และพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับระบบการขนส่งอัจฉริยะ (Intelligent Transportation System - ITS) รวมถึงพันธมิตรทางด้านระบบการเชื่อมต่อ และรถยนต์ไร้คนขับ (Connected and Automated Vehicle - CAV)
โรโบติกส์ เพื่อยกระดับ และเพิ่มศักยภาพในการใช้ชีวิต
ฮอนด้า เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีด้านโรโบติกส์ในหลากหลายรูปแบบเพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์แห่งโลกอนาคตที่อุปกรณ์หุ่นยนต์จะเข้ามาทำหน้าที่ช่วยเหลือ และเสริมศักยภาพการใช้ชีวิตของมนุษย์Honda P.A.T.H. (Predicting Action of the Human) Bot คือ หุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเองในสถานที่สาธารณะโดยไม่รบกวนผู้คนรอบข้างสร้างขึ้นจากเทคโนโลยีAIมาพร้อมกล้องและเซ็นเซอร์ติดตั้งในตัว ใช้ในการระบุตำแหน่งของตัวเองและจดจำสภาพแวดล้อมรอบข้าง ทำให้สามารถเคลื่อนที่ไปยังที่หมายต่างๆ ได้โดยไม่ชนสิ่งกีดขวางและสามารถเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดได้ด้วยตัวเอง ซึ่งตอนนี้ ฮอนด้ากำลังมองหาพันธมิตรที่จะมาร่วมทดสอบการใช้งาน P.A.T.H.Botร่วมกัน
ฮอนด้ายังเผยโฉม Honda Omni Traction Drive Systemซึ่งเป็นเทคโนโลยีควบคุมการทรงตัว ที่มาพร้อมระบบล้อขับเคลื่อนรอบทิศทาง ซึ่งพัฒนามาจากการค้นคว้าและวิจัยด้านโรโบติกส์ของฮอนด้า ซึ่งอยู่ในหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ของฮอนด้า อาซิโม (ASIMO) ซึ่งช่วยให้ ยูนิ-คับ (UNI-CUB) พาหนะส่วนบุคคลสามารถเคลื่อนที่ได้รอบทิศทางอย่างเป็นธรรมชาติ
เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านโรโบติกส์สามารถนำไปใช้ได้กับผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้มากมายฮอนด้าจึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างคุณค่าใหม่ๆ ในด้านเทคโนโลยีเพื่อการเคลื่อนที่ (Mobility) และการขนส่ง โดยประเดิมความร่วมมือครั้งแรกกับ นีเด็ค-ชิมโป คอร์ปอเรชั่น (Nidec-Shimpo Corporation) บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องจักร อุปกรณ์ ส่วนประกอบยานยนต์ และยานพาหนะต่าง ๆ ของประเทศญี่ปุ่น โดยนำ Honda Omni Traction Drive System ไปใช้ใน S-CART ซึ่งเป็นพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติ ที่ใช้เพื่อการทำงานในโรงงานหรือโกดัง
Wireless Vehicle-to-Grid ลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมสร้างคุณค่าใหม่
ฮอนด้าเตรียมเผยโฉม Wireless Vehicle-to-Grid (V2G) ระบบบริหารจัดการพลังงานแบบสองทางที่สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และสร้างคุณค่าใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ด้วยกระแสความนิยมของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่กำลังเติบโตทำให้กริดไฟฟ้า หรือ เครือข่ายที่เชื่อมต่อสำหรับการจ่ายไฟฟ้าจากผู้ผลิตต่างๆ ไปยังผู้บริโภคที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งผลให้การใช้แหล่งพลังงานที่ไม่สามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่เพิ่มสูงขึ้น และเกิดการปล่อยคาร์บอนมากขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากแบตเตอรี่ในรถยนต์สามารถใช้เป็นแหล่งเก็บพลังงานเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการใช้งานและการสำรองพลังงานเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของฮอนด้าสามารถเข้าร่วมโครงการ V2G และได้รับค่าชดเชยจากผู้ประกอบการสาธารณูปโภคที่ได้รับประโยชน์จากการใช้รถยนต์ไฟฟ้าฮอนด้าเพื่อช่วยลดความต้องการไฟฟ้าจากกริดไฟฟ้าได้
ระบบจัดการพลังงานใหม่นี้ต่างจากการชาร์จไฟผ่านสายแบบเดิม โดยการชาร์จ และปล่อยกระแสไฟฟ้าทำได้อย่างง่ายโดยไม่ต้องทำการสัมผัส เพียงแค่นำรถยนต์จอดบนแผ่นชาร์จ ซึ่งมอบประสบการณ์ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นแก่ผู้ขับขี่ ฮอนด้าได้ทำการพัฒนาระบบนี้ร่วมกับ WiTricity ผู้บุกเบิกด้านการส่งพลังงานไฟฟ้าแบบไร้สาย Wireless Vehicle-to-Grid ของฮอนด้า จะช่วยสร้างสมดุลระหว่างความต้องการใช้ไฟฟ้าและการผลิตไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ โดยจะทำการจ่ายไฟเข้าสู่รถในช่วงเวลาที่ปริมาณการผลิตไฟฟ้าสูงกว่าการบริโภคไฟฟ้า และปล่อยกระแสไฟฟ้าออกจากรถสู่กริดไฟฟ้าเมื่อปริมาณการบริโภคไฟฟ้ามีสูงกว่าการผลิต ฮอนด้ามีความสนใจที่จะร่วมมือกับบริษัทด้านพลังงานต่างๆ ทั้งบริษัทรายใหญ่ที่เป็นผู้รวบรวมความต้องการใช้ไฟฟ้าและผู้ผลิตไฟฟ้า เพื่อให้ระบบนี้สามารถนำไปใช้งานจริงได้ในสังคม
ฮอนด้า อินโนเวชันส์พร้อมเดินหน้าสู่ความร่วมมือใหม่ๆ
ฮอนด้า อินโนเวชันส์ ร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพและพันธมิตรชั้นนำเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการอันล้ำสมัยผ่านสองโครงการนวัตกรรมแบบเปิด Honda Developer Studioและ Honda Xcelerator ในงาน CES 2019 ครั้งนี้ Honda Developer Studioได้นำรถยนต์ฮอนด้าพาสสปอร์ตโฉมใหม่ปี 2019มาใช้ในการสาธิตประสบการณ์การขับขี่แบบ Honda Dream Drive ที่เหนือชั้นกว่าเดิม โดย Honda Developer Studioได้ร่วมมือกับ DreamWorks Animation สร้างสรรค์Honda Dream Drive ขึ้น ซึ่งเป็นการจำลองประสบการณ์แบบเสมือนจริง(Virtual Reality - VR) ที่สอดคล้องกับการเคลื่อนที่ของรถยนต์ และได้จัดแสดงในงาน CES 2017 ที่ผ่านมา
โดยหลังจากนั้น มีการต่อยอดแพล็ตฟอร์ม Honda Dream Drive โดยเพิ่มฟีเจอร์และฟังก์ชั่นใหม่ ๆ รวมทั้งการจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
Honda Dream Drive – สำหรับผู้ขับขี่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจากการต่อยอดแนวคิดเทคโนโลยีการชำระเงินในรถยนต์ ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในงาน CES 2017 เป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจองร้านอาหาร จ่ายค่าสินค้าและบริการ ทั้งค่าน้ำมัน บัตรชมภาพยนตร์ และค่าที่จอดรถ และแชร์ตำแหน่งที่อยู่ของผู้ขับ โดยทั้งหมดนี้สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ผ่านระบบกระเป๋าเงินอัจฉริยะที่ติดตั้งอยู่ในรถฮอนด้า
Honda Dream Drive - สำหรับผู้โดยสาร ประกอบด้วยเกมแบบมิกซ์เรียลลิตี้ ภาพยนตร์ และแอปพลิเคชันด้านการเดินทาง รวมทั้งการควบคุมวิทยุ และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องโดยสาร ผ่านทางโทรศัพท์มือถือในอนาคต แพลตฟอร์ม Honda Dream Drive ยังได้เตรียมเปิดตัวแนวคิดระบบสะสมคะแนนสำหรับลูกค้า โดยฮอนด้าพัฒนาประสบการณ์ Honda Dream Drive ด้วยความร่วมมือกับผู้นำในอุตสาหกรรมค้าปลีกและเอนเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งรายละเอียดจะเปิดเผยในงาน CES 2019
ด้วยเจตนารมณ์ของฮอนด้าที่จะร่วมเสริมสร้างระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก โครงการ Honda Xceleratorจะมุ่งเน้นการร่วมมือกับสองสตาร์ทอัพ คือ Noveto Systems และ Perceptive Automata เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยในการขับขี่
Honda Xceleratorและ Novetoจะสาธิตเทคโนโลยีระบบเสียงสามมิติซึ่งพัฒนาต่อยอดจากเทคโนโลยี Noveto Smart Audio ของ Novetoโดยสามารถส่งสัญญาณเสียงไปยังหูแต่ละข้างของผู้ฟังพร้อมกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกที่สัมผัสได้สู่ผู้ขับขี่โดยที่ไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ผู้ขับรถเกิดความตระหนักรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมรอบข้างโดยเตือนว่ามีสิ่งกีดขวางที่ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างขัดเจน จากการจับสัญญาณผ่านเซ็นเซอร์ในรถยนต์ รวมทั้งช่วยให้ระบบนำทางในรถยนต์ทำงานได้แม่นยำยิ่งขึ้น
พันธมิตรทางธุรกิจ และเทคโนโลยีที่มีความสนใจในโครงการความร่วมมือต่างๆ สามารถติดต่อฮอนด้าได้ที่ https://global.honda/innovation/CES/2019.html
#########