เมอร์เซเดส-เบนซ์ แจ้งข่าวว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์สร้างปรากฏการณ์แห่งความสำเร็จครั้งสำคัญในอินสตาแกรมจากการสำรวจ“อินเตอร์แบรนด์ เบสท์ โกลบอล แบรนด์ส 2018”ครั้งล่าสุดที่จัดทำโดย ที4 มีเดีย (T4 Media) บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัลชื่อดัง ซึ่งผลการสำรวจที่เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ https://t4media.de/onebillionlikes/ เปิดเผยว่า
เมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นแบรนด์ที่มียอดไลก์ในอินสตาแกรมอย่างเป็นทางการสูงถึง 1 พันล้านไลก์ และเป็นแบรนด์แรกที่สามารถทำสถิตินี้ได้ในบรรดาแบรนด์ระดับโลกที่ดีที่สุดแห่งปี 2018 (Best Global Brands 2018) ตามการจัดอันดับของอินเตอร์แบรนด์ ที่เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านแบรนด์ชั้นนำของสหรัฐฯ
ซึ่งในโอกาสพิเศษนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์จึงจัดนิทรรศการแสดงภาพถ่ายที่พิพิธภัณฑ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เมืองชตุทท์การ์ท เพื่อนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจต่างๆ ในสื่อออนไลน์ของบริษัทฯ และเป็นการแสดงความขอบคุณต่อลูกค้า และผู้ติดตามทุกท่าน
เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ตั้งบัญชีอินสตาแกรมทางการขึ้นตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าบัญชี @mercedesbenz มียอดการกดไลก์โดยเฉลี่ย 27.6 ล้านครั้งต่อเดือน และในปัจจุบันมีผู้ติดตามรวมกันถึง 35.66 ล้านคนทั่วโลก ในโอกาสนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงได้แสดงความขอบคุณต่อลูกค้า และผู้ติดตามที่มีส่วนช่วยให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ก้าวไปถึงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี้ ด้วยการเปิดเว็บไซต์ http://mb4.me/one-billion-likes ที่ตั้งขึ้นเพื่อกิจกรรมนี้โดยเฉพาะ
โดยในเว็บไซต์ได้จัดแสดงภาพถ่ายจากแฟนๆ ทั่วโลกที่แสดงให้เห็นถึงความรักที่มีต่อแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงการนำเสนอเนื้อหาที่มีความแปลกใหม่ และสนุกสนาน ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้ติดตาม เช่น ภาพของหญิงชราสุดเท่ที่ขับรถยนต์สมรรถนะสูงของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี การอวยพรที่ไม่เหมือนใครในวันครบรอบของบีเอ็มดับเบิลยูจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมไปถึงภาพถ่ายที่มีสุนัขเป็นองค์ประกอบด้วย
ผู้มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในเมืองชตุทท์การ์ท ระหว่างวันที่ 5 - 31 มกราคม 2019 จะมีโอกาสเข้าชมนิทรรศการพิเศษที่รวบรวมโพสต์ที่โดดเด่นที่สุดประมาณ 20 โพสต์จากบัญชีอินสตาแกรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงได้สัมผัสรถยนต์และรถยนต์ต้นแบบ 2 คันที่ผู้ติดตามบัญชีอินสตาแกรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ชื่นชอบมากที่สุด อย่างรถยนต์ต้นแบบรุ่นวิชั่น เมอร์เซเดส-มายบัค 6 คาบริโอเลต์ (Vision Mercedes-Maybach 6 Cabriolet) และรถยนต์เอเอ็มจี จีที โรดสเตอร์ เอดิชั่น 50 (AMG GT Roadster Edition 50) ซึ่งมีอัตราการใช้พลังงานแบบผสมผสานที่ 11.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรและมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบผสมผสานที่ 259 กรัมต่อกิโลเมตร1
กลยุทธ์การสื่อสารทางการตลาดแบบหลากหลายช่องทางคือหัวใจหลักของความสำเร็จ
“กลยุทธ์การสื่อสารทางการตลาดแบบหลากหลายช่องทางช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง” คุณนาธาเนล ซิจานตา (Natanael Sijanta) หัวหน้าฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กรของกลุ่มธุรกิจรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเมอร์เซเดส-เบนซ์ กล่าว “เราผสมผสานทั้งเนื้อหาของเราเองและของที่แฟนๆ สร้างขึ้นเพื่อสร้างความประทับใจและมอบความบันเทิงให้กับผู้ติดตาม”
คุณซิจานตา ยังเชื่อว่า การทำงานร่วมกับผู้มีอิทธิพลทางความคิด หรือ อินฟลูเอนเซอร์ (influencer) นั้น มีความสำคัญเท่าๆ กับการนำเสนอเนื้อหาที่แฟนๆ สร้างสรรค์ขึ้น“ทางแบรนด์ให้ความสำคัญกับแนวคิดที่น่าดึงดูดใจ และมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของเรา เพื่อให้สิ่งที่เราต้องการนำเสนอมีความน่าสนใจและสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียว”
เมอร์เซเดส-เบนซ์จะนำเสนอเนื้อหาต่างๆ ผ่านสื่อดิจิทัลทางการของบริษัทฯ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดการสื่อสารทางการตลาดแบบหลากหลายช่องทาง และยังมีการจัดแจงเรื่องการสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลทางความคิด (influencer relations) และการสื่อสารทางการตลาดโดยอาศัยผู้มีอิทธิพลทางความคิด (influencer marketing) อย่างเป็นระบบ กล่าวคือ ผู้มีอิทธิพลทางความคิดจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานแถลงข่าว กิจกรรมการแสดง งานปฐมทัศน์ต่างๆ อีกทั้งยังร่วมกับผู้มีอิทธิพลทางความคิดเหล่านี้เพื่อนำเสนอข้อมูลต่างๆ อย่างจริงใจ และเป็ธรรมชาติ
นอกจากนี้ กระบวนการสื่อสารทางการตลาดโดยอาศัยผู้มีอิทธิพลทางความคิดยังช่วยในการสร้างและนำเสนอเนื้อหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ โดยทางบริษัทฯ จะร่วมมือกับช่างภาพ ผู้สร้างภาพยนตร์ หรือแบรนด์แอมบาสเดอร์หลายรายอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างเนื้อหาพิเศษทั้งสำหรับการเผยแพร่ทางช่องทางการสื่อสารของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และช่องทางการสื่อสารของผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานเอง
เนื้อหาจากผู้ติดตามและการนำเสนอเรื่องราวที่เปี่ยมความคิดสร้างสรรค์
หนึ่งในเคล็ดลับที่ช่วยให้บัญชีอินสตาแกรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์มียอดการกดไลก์ถึง 1 พันล้านไลก์นั้นอยู่ที่เรื่องราวต่างๆ ทั้งเรื่องราวที่เมอร์เซเดส-เบนซ์บอกเล่าเอง เรื่องราวจากผู้มีอิทธิพลทางความคิด และแฟนๆ ของแบรนด์ นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังใช้คุณสมบัติของอินสตาแกรมสตอรี่เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้ติดตามในเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับนวัตกรรมในอนาคต เช่น นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ หรือการพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้า โดยการนำเสนอเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดผู้ใช้อินสตาแกรมให้กลายเป็นผู้ติดตามบัญชีทางการของแบรนด์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจคืองาน“อีคิวไนท์ – EQNight” ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงลิสบอน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้อินสตาแกรมสามารถตั้งคำถามที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์รุ่นอีคิวซี (EQC) หรือแนวคิดของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้า และจะได้รับคำตอบจากคุณไมค์ แมสซิมิโน่ (Mike Massimino) อดีตนักบินอวกาศ เจ้าของฉายา “แอสโตรไมค์ (Astro Mike)” ผ่านทางอินสตาแกรมสตอรี่ กิจกรรมพิเศษนี้ช่วยให้ผู้ติดตามทราบถึงความสามารถของรถยนต์รุ่นอีคิวซี หรือวัสดุที่เป็นส่วนประกอบของทั้งรถยนต์รุ่นอีคิวซีและกระสวยอวกาศ เป็นต้น
ความสำเร็จของกลยุทธ์ในการใช้อินสตาแกรมสะท้อนถึงข้อเท็จจริงว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นแบรนด์ที่สามารถเข้าถึงจิตใจของผู้บริโภคทั่วโลก อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากช่างภาพนิ่งและช่างภาพเคลื่อนไหวที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์มากมาย ส่งผลให้เนื้อหามากกว่าร้อยละ 75 ที่เผยแพร่ในอินสตาแกรมนั้นเป็นเนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นโดยแฟนๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั้งสิ้น
ย้อนรำลึกถึงความสำเร็จของเมอร์เซเดส-เบนซ์ด้านการสื่อสารผ่านอินสตาแกรม
เมอร์เซเดส-เบนซ์เปิดบัญชีอินสตาแกรมทางการในเดือนมีนาคม ปี 2012 และเริ่มต้นสร้างแคมเปญ #mbshootout ที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์ภาพถ่ายและเนื้อหาเพื่อการนำเสนอผ่านช่องทางอินสตาแกรมโดยเฉพาะ จากนั้นบริษัทฯ ได้นำเสนอแคมเปญ #mbsocialcar โดยให้ช่างภาพและผู้สร้างภาพยนตร์ยืมรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ไปทดลองขับและถ่ายภาพหรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับรถยนต์ที่พวกเขายืมไปได้อย่างอิสระ โดยมีช่างภาพ บล็อกเกอร์ และผู้อิทธิพลทางความคิดกว่า 350 รายเข้าร่วมแคมเปญนี้ และมีจำนวนการโพสต์ทั้งหมด 542 โพสต์ ต่อมาในปี 2014 เมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นบริษัทจากทวีปยุโรปบริษัทแรกที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการยูโรเปียน อินสตาแกรม มีเดีย พาร์ทเนอร์ (European Instagram Media Partner) และยังเป็นหนึ่งในแบรนด์แรกๆ ของทวีปยุโรปที่ได้รับสิทธิ์ให้ทดลองใช้คุณสมบัติอินสตาแกรมสตอรี่ในปี 2016 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจัดแคมเปญ #mbdolomates ร่วมกับกลุ่มช่างภาพเยอรมันโรมเมอร์ส (German Roamers) จนกลายเป็นปรากฏการณ์ไปทั่วโลก
ในปี 2015 เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้รับการขนานนามว่าเป็นแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดแบรนด์หนึ่งในอินสตาแกรมเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังมีการเปิดบัญชีอินสตาแกรมทางการของบริษัทฯ ในภาษาเยอรมันเพิ่มเติม ซึ่งในปัจจุบันถือเป็นบัญชีอินสตาแกรมภาษาเยอรมันของผู้ผลิตรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดด้วยจำนวนผู้ติดตามกว่า 3.5 ล้านคน การสื่อสารทางการตลาดใน
อินสตาแกรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้รับรางวัล German Prize for Online Communication ประเภท “การสื่อสารโดยใช้ผู้มีชื่อเสียงหรือผู้นำทางความคิด (Influencer Communication)” และรางวัลด้านแบรนด์ประเภท “กลยุทธ์ดีเด่น (Best Strategy)” จากการประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด #INREACH
ในปี 2018 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์สร้างสีสันในโลกดิจิทัลด้วยแคมเปญ #explorewildtaiga เพื่อนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจต่างๆ ผ่านวิธีการที่หลากหลาย เช่น ภาพถ่าย คลิปวิดีโอ หรือวิธีการนำเสนออื่นๆ รวมถึงวล็อก (vlog) เพื่อบอกเล่าสิ่งที่น่าสนใจที่ช่างภาพและทีมงานพบระหว่างการเดินทางในป่าเขตหนาวของประเทศฟินแลนด์ (Finish taiga) เป็นระยะเวลา 6 วัน โดยใช้รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ จี-คลาสเป็นยานพาหนะ ตลอดแคมเปญนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ใช้แชทบอตสำหรับโปรแกรมสื่อสาร “เอ็มบี เจอร์นีย์ส (MB Journeys)” เป็นผู้โต้ตอบกับผู้ติดตาม โดยแชทบอตนี้ช่วยให้ผู้ติดตามสามารถเลือกชมสิ่งต่างๆ ที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์นำเสนอในแต่ละวันได้อย่างหลากหลายตามความต้องการ
1 ตัวเลขข้างต้นเป็นตัวเลขที่ได้จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการที่มีการกำหนดขั้นตอนและสภาพแวดล้อมอย่างละเอียด ค่าที่ได้ทั้งหมดเป็นค่าตามข้อบังคับด้านคาร์บอนไดออกไซด์แบบ NEDC ของสหภาพยุโรป ตามมาตราที่ 2 (1) ของข้อบังคับสหภาพยุโรปที่ 2017/1153 ท่านสามารถศึกษาข้อมูลโดยละเอียดของรถยนต์ที่มีวางจำหน่ายในประเทศของท่าน อันหมายรวมถึงค่าการทดสอบการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบ WLTP ได้ที่ www.mercedes-benz.com
########