เมื่อเร็วๆ นี้ “ทีมงานข่าวรถออนไลน์” ได้มีโอกาสทดลองขับ Mercedes-Benz A 200 Progressive ซึ่งจัดเป็นอีกหนึ่งยนตรกรรมสุดหรูของค่าย เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่กำล้งนิยมอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม แม้ Mercedes-Benz A 200 Progressive จะเปิดตัวมาหลายเดือนแล้ว แต่เจ้ารถรุ่นนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่กำล้งมองหารถยนต์คอมแพ็คที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานในโลกยุคปัจจุบัน และที่สำคัญมีราคาเบาๆ โดยรุ่นนี้มีค่าตัวเร่ิมต้นประมาณ 1,990,000 บาทเท่านั้น
สำหรับเส้นทางการทดลองขับรถรุ่นนี้ เราเลือกเดินทางจากจังหวัดกรุงเทพมหานครมุ่งหน้าสู่งจังหวัดบึงกาฬด้วยระยะทางประมาณ 750 กิโลเมตร ซึ่งหากรวมทั้งเที่ยวไป และเที่ยวกลับจะมีระยะทางประมาณ 1,500 กิโลเมตร นั่นเอง
โดยการเดินทางในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ได้ทำการทดลองขับรถแล้ว เรายังได้จอดพักแวะสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในจังหวัดบึงกาฬอีกหลายแห่ง เช่น แก่งอาฮงหรือ จุดชม “สะดือแม่น้ำโขง” ณ วัดอาฮงศิลาวาส , ภูทอก เป็นที่ตั้งของ วัดเจติยาศรีวิหาร หรือ วัดภูทอก ที่มีจุดเด่น คือ สะพานไม้ และบันไดรอบๆ ภูทอก ที่จะใช้แค่เพียงบันได วนไปมา แบบ 360 องศา,หาดคำสมบูรณ์ ซึ่งเป็นดินแดนแห่งทะเลทรายน้ำจืดของจังหวัดบึงกาฬ โดยเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ หรือ บึงโขงหลงซึ่งเป็นอีกหนึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยว เป็นต้น
- Mercedes-Benz A-Class
สำหรับ Mercedes-Benz A-Class คือ ยนตรกรรมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการเติมความโฉบเฉี่ยวให้กับชีวิตในเมืองใหญ่ เพราะนอกจากจะเป็นรถยนต์ระดับพรีเมียมรุ่นแรกในตลาดที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กเพียง 1,332 ซีซี แต่ให้กำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้ารถยนต์คันนี้ยังถือเป็นคอมแพ็คคาร์ที่มีกำลังแรงม้ามากที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์เท่ากัน ด้วยแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,620-4,000 รอบ/นาที จึงให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลาเพียง 8.1 วินาที ทว่ามีอัตราการปล่อยไอเสียต่ำเพียง 119-124 กรัม/กม. และยังมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยมเฉลี่ยเพียง 5.2 ลิตร/100 กม.
ดีไซน์ภายนอกของ Mercedes-Benz A-Class นั้น สอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ที่เน้นความเรียบง่าย และให้ความสำคัญกับผิวสัมผัส แต่ในขณะเดียวกันก็มีความร้อนแรงและดึงดูดใจ ด้วยโครงสร้างภายนอกที่โดดเด่นด้วยการตัดทอนเส้นสาย และช่องว่างให้มีน้อยที่สุด ถือเป็นการผสมผสานระหว่างดีไซน์คลาสสิกของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ และความปราดเปรียวเร้าใจได้อย่างลงตัว ด้านหน้าของตัวรถดูมีความล้ำสมัยสอดรับกับช่วงกระโปรงหน้าที่ลาดตัวต่ำ และทอดตัวยาว กระจังหน้าแบบ diamond radiator grille ที่ประกอบด้วยเส้นเดี่ยวแนวนอน พร้อมตราสัญลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้านกว้างของตัวรถถูกออกแบบมาให้ดูทรงพลังและเร้าอารมณ์สอดรับกับเส้นสายด้านข้างที่ทอดตัวอยู่บริเวณช่วงล่างของตัวถัง ช่วยให้ตัวรถดูกว้าง ส่วนกระจกมองข้างนั้นอยู่ในระนาบเดียวกับขอบล่างของกระจกห้องโดยสารพอดี นอกจากนั้นยังมีล้อขนาด 18 นิ้ว แบบ 5 ก้านคู่ และโคมไฟหน้าแบบ LED High Performance ที่มีความเพรียวบาง และกรอบโครเมียมที่ทำงานร่วมกับไฟส่องสว่างขณะขับขี่ตอนกลางวันแบบ LED ที่มีลักษณะคล้ายคบเพลิง
ภายในห้องโดยสารดูทันสมัย และกว้างขวางเพื่อประโยชน์ใช้สอยที่มากที่สุด โดยจะมีพื้นที่ว่างบริเวณช่วงไหล่ ข้อศอก และเหนือศีรษะมากกว่าค่าเฉลี่ยของรถยนต์ประเภทเดียวกัน รวมไปถึงการออกแบบห้องโดยสารตอนหลังให้เข้าออกได้ง่าย ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีปริมาตร 420 ลิตร พวงมาลัยของรถยนต์รุ่นนี้ตกแต่งแบบสปอร์ตท้ายตัดหุ้มด้วยหนังชนิด nappa พร้อมระบบควบคุมหน้าจอบนพวงมาลัยแบบ Touch control ส่วนเบาะที่นั่งเพิ่มความกระชับในการขับขี่ด้วยเบาะที่นั่งแบบ sport seat หุ้มด้วยหนัง ARTICO / DINAMICA microfibre เพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ด้วยเข็มขัดนิรภัยตกแต่งด้วยสีแดง และมาพร้อมหน่วยบันทึกความจำ อีกทั้งเบาะด้านหลังยังสามารถพับได้แบบ 40:20:40 รูปลักษณ์ของหน้าปัดมีความล้ำสมัยด้วยการออกแบบทรงปีกนกที่ทอดยาวตั้งแต่ประตูหน้า ผ่านคอนโซลกลางอย่างไร้รอยต่อ เชื่อมไปจนถึงด้านบนของแผงหน้าปัดฝั่งผู้ขับขี่ที่มาพร้อมกับหน้าจอ Widescreen ขนาด 10.25 นิ้วต่อกัน 2 หน้าจอ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานโดยหน้าจอทั้งสองจะอยู่ติดกันและมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่าง ๆ ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Widescreen ขนาดใหญ่ด้วยอัตราส่วนหน้าจอแบบ 16:9 เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจน และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนต์พร้อมระบบปฏิบัติการหน้าจอแบบ MBUX ที่ใช้ระบบสัมผัส (Touchscreen) โดยผู้ขับขี่สามารถควบคุมและออกคำสั่งได้ด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ หรือใช้ Touchpad ดีไซน์ใหม่ ส่วนช่องลมของเครื่องปรับอากาศนั้นได้รับการออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากใบพัดของเครื่องบินเจ็ท (turbine)
นอกจากนี้ห้องโดยสารยังมีระบบไฟส่องสว่างแบบ Ambient Light ให้เลือกถึง 64 สี ช่วยขับเน้นเอกลักษณ์ความสปอร์ตโดดเด่นยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยของ Mercedes-Benz A-Class มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีในรถยนต์รุ่นก่อนหน้ามากมาย เช่น ระบบช่วยหยุดรถ (Active Brake Assist) และระบบช่วยจอดพร้อมกล้องหลัง (Parking package with reversing camera) ที่จะช่วยให้การถอยจอดง่ายขึ้นอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยีที่เป็นไฮไลท์ของรถยนต์รุ่นใหม่นี้ คือ บริการ Mercedes me connect ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ที่จะทำงานร่วมกับระบบมัลติมีเดียอัจฉริยะที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุดอย่างระบบ MBUX หรือ Mercedes-Benz User Experience โดยผลลัพธ์ที่ได้คือ มีฟีเจอร์ต่างๆ ที่หลากหลายขึ้น และความสะดวกสบายที่มากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ บริการ Mercedes me connect มาพร้อมฟังก์ชันอันโดดเด่นมากมายที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเพิ่มบริการ และฟังก์ชันต่าง ๆ ตามต้องการได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน อาทิ
- Mercedes-Benz emergency call system ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชนและถุงลมนิรภัยทำงาน เซ็นเซอร์ของระบบนี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ และส่งตำแหน่งของรถยนต์ให้กับศูนย์ช่วยเหลือทันที
- Vehicle Monitoring เจ้าของรถยนต์สามารถเช็คตำแหน่งล่าสุด หรือเส้นทางการขับขี่ของรถยนต์ได้ผ่านแอปพลิเคชันของ Mercedes me connect ได้
- Vehicle Set-up ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสภาพรถยนต์ได้จากระยะไกล โดยเซ็นเซอร์ที่อยู่ในรถจะตรวจสอบสภาพของรถยนต์ในขณะนั้น และส่งเป็นข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันให้ทั้งผู้ขับขี่ และศูนย์ซ่อมบำรุงสามารถเปิดดูรายละเอียดข้อมูลสถานะต่าง ๆ ได้
- Maintenance Management ระบบนี้จะช่วยเตือนเมื่อถึงเวลานำรถยนต์เข้าตรวจสภาพ โดยจะตั้งวัน และเวลาเข้ารับบริการในครั้งต่อไปให้อัตโนมัติ
- Online Booking ฟังก์ชั่นสำหรับการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการต่างๆ จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วด้วยแอปพลิเคชัน Mercedes Me Service
สำหรับระบบ MBUX นั้น เป็นระบบมัลติมีเดียใหม่ล่าสุดที่เมอร์เซเดส-เบนซ์พัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับความสะดวกสบายให้แก่ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รองรับการสั่งการผ่านจุดสำคัญ 2 จุดคือ หน้าจอ Widescreen ระบบสัมผัส (หน้าจอส่วนอินโฟเทนเมนต์) และ Touchpad ที่อยู่ตรงคอนโซลกลาง ระบบนี้มีจุดเด่นอยู่ที่คุณสมบัติด้านการเรียนรู้ที่สามารถจดจำความต้องการของผู้เป็นเจ้าของผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ส่งผลให้ MBUX เป็นระบบมัลติมีเดียที่สามารถปรับแต่งหรือปรับเปลี่ยนตามลักษณะ การใช้งานจริงของผู้เป็นเจ้าของรถได้ ซึ่งเป็นการสร้างความผูกพันระหว่างผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และรถยนต์ได้เป็นอย่างดี โดยระบบนี้มาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากมาย อาทิ
- Navigation ระบบนำทางแบบใหม่ที่มาพร้อมกับ GPS ที่แม่นยำยิ่งขึ้น และแผนที่ที่แสดงผลแบบสามมิติ (3D) ด้วยกราฟิกที่มีความละเอียดสูง ทำงานร่วมกับระบบ AR ในการนำทางโดยผู้ใช้สามารถหาจุดหมายที่ต้องการได้ด้วยการสัมผัสหน้าจอ นอกจากนั้นยังสามารถรายงานสภาพถนนและสถานะของร้านค้าต่าง ๆ ได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
- Personal profiles ที่จะจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่แต่ละคนไว้ ทั้งลักษณะของการปรับเบาะ ที่นั่ง สีไฟในห้องโดยสารที่ชอบ สถานที่ที่ไปเป็นประจำ ฯลฯ โดยระบบนี้สามารถจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่ได้ถึง 22 โปรไฟล์
- Linguatronic ระบบสั่งการด้วยเสียงที่รองรับได้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน และภาษาฝรั่งเศสของทุกสำเนียงทั่วโลก (natural speech recognition) ระบบนี้สามารถรับรู้และเข้าใจเกือบทุกคำที่ปรากฏอยู่ในระบบอินโฟเทนเม้นท์ของรถยนต์ โดยผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบได้เพียงพูดคำว่า “Hey, Mercedes”
Mercedes-Benz A-Class มีวางจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่
- Mercedes-Benz A 200 Progressive ราคา 1,990,000 บาท
- Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic ราคา 2,150,000 บาท
และกิจกรรมทดสอบรถประสานกับการเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดบึงกาฬในครั้งนี้ “ทีมงานข่าวรถออนไลน์” มองว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวแห่งความประทับใจตลอดการเดินทาง ซึ่งแม้ระยะทางของการทดสอบรถทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับจะต้องขับรถมากกว่า 1พันกิโลเมตรแต่ด้วยสมรรถนะ และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในรถ Mercedes-Benz A 200 Progressive ซึ่งเป็นรถรุ่นที่เราใช้ทำการทดสอบที่มีมากมายเหลือล้นทำให้“ทีมงานข่าวรถออนไลน์” ไม่รู้สึกถึงความเมื่อยล้าแต่อย่างไร
ซึ่งทริปนี้ถือเป็นการเดินทางที่น่าประทับใจไม่มีวันลืมจริงๆ