บริษัท แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด แจ้งข่าวว่า เข้าสู่เดือนสุดท้ายของครึ่งปี 2566 สถานการณ์เศรษฐกิจ และการเมืองยังคงอยู่ในช่วงปรับความวุ่นวาย. ในด้านเศรษฐกิจภาพรวมของธุรกิจยังมีความหวังกับมาตรการของรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมองว่าปีนี้น่าจะโตประมาน 5-6% ในอุตสาหกรรมรถยนต์ก็คาดหวังจะเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจดังกล่าวเช่นกัน
แต่ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ การขายรถยนต์ใหม่ที่จบตัวเลขประมาณ 276,600 คัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาประมาณ 6% ดูเหมือนว่ายอดขายยังไม่ดีขึ้น ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง สำหรับในธุรกิจรถยนต์มือสอง จะอยู่ในสถานการณ์เดียวกันหรือไม่ หรือยังจะเติบโตได้ดีในภาวะที่หลายๆ เรื่องยังรอความชัดเจน
นายอนุชาติ ดีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจการประมูลรถยนต์รายใหญ่ในประเทศ ให้มุมมองในอุตสาหกรรมรถยนต์มือสองที่ผ่านมาในช่วงครึ่งปีแรก และแนวโน้มครึ่งปีหลังของปี 2566 โดยมองว่า เศรษฐกิจของประเทศกำลังดีขึ้นในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้ธุรกิจหลายอย่างที่ได้รับผลกระทบกลับมาเปิดกิจการได้ รวมทั้งสถานการณ์โควิดผ่อนคลายลงไปมาก แม้จะมีผลกระทบบ้างจากมาตรการคุมเข้มสินเชื่อของสถาบันการเงิน แต่เชื่อว่ายอดขายรถยนต์มือสองยังมีโอกาสเติบโตได้โดยสรุปประเด็นสำคัญที่เป็นปัจจัยหนุนธุรกิจรถยนต์มือสอง ดังนี้
- การขาดแคลนชิ้นส่วนเพื่อการผลิตรถยนต์ใหม่ยังมีผลต่อการส่งมอบรถยนต์ใหม่ให้แก่ผู้บริโภค
- การเติบโตของสตาร์ทอัพใหม่ในการขายรถยนต์มือสองผ่านทาง Platform Online ที่กระตุ้น การขายในรูปแบบใหม่ๆที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น
- การทำแคมเปญ และโปรโมชั่นของผู้ขายรถยนต์ที่จูงใจผู้บริโภค
- การแข่งขันการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ ทั้งในระบบธนาคาร และ Non-Bank เป็นสัญญานที่ดีว่าการสนับสนุนการให้สินเชื่อรถยนต์ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
นายอนุชาติ ยังกล่าวถึงปัจจัยบวกตลาดรถยนต์มือสองมีดังนี้ คือ
- ความจำเป็นของประชาชนในการใช้รถยนต์
- ภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้น จากความผ่อนคลายสถานการณ์โควิด การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวทำให้ประชาชนเริ่มหันมาประกอบธุรกิจมากขึ้น รถยนต์จึงมีความจำเป็นในการใช้ประกอบกิจการต่างๆ
- ราคารถยนต์มือสองยังเข้าถึงได้ง่ายในยุคเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีมาก ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้
- ผู้บริโภคมีความรู้ และเข้าใจสภาพรถยนต์มือสองได้ดี ทำให้การตัดสินใจซื้อได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับความไว้วางใจในอดีต
- การสนับสนุนการซื้อขายรถยนต์มือสองยังมีสถาบันการเงินขนาดใหญ่สนับสนุนตลอดเวลา แม้บางช่วงจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทำให้ลูกหนี้ NPL มีปริมาณสูงขึ้น สถาบันก็เพียงแต่ปรับกฎเกณฑ์การให้สินเชื่อเช่าซื้อเท่านั้น ไม่มีการหยุดสนับสนุน อย่างไรก็ตามการให้รูปแบบสินเชื่อในประเทศยังมีหลายรูปแบบที่สนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ และบุคคลธรรมดา
โดยภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ยอดขายรถยนต์ใหม่กำลังกลับมาอยู่ที่ยอดขายประมาณ 8.5 - 9.0 แสนคันต่อปี สำหรับมูลค่าตลาดรถยนต์มือสอง มีมูลค่าประมาณ 90,000-100,000 ล้านบาท คาดว่ายังมีอัตราเติบโตประมาณ 8-10% และยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง
เมื่อมองถึงภาพรวมตลาดรถยนต์มือสองผ่านตลาดการประมูลรถยนต์ ซึ่งถือเป็น Supply ใหญ่ในประเทศของตลาดรถยนต์มือสอง มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อผ่านสถานการณ์โควิดมาแล้ว จากในช่วงปี 2565 มีรถยนต์ผ่านการประมูลประมาณ 200,000 คัน และคาดว่าปี 2566 ยังมีการเติบโตขึ้นประมาณ 10 – 15 % ปัจจัยที่ทำให้ตลาดรถยนต์มือสองเติบโตได้โดยได้รับผลกระทบน้อยด้วยเหตุผล
- ตลาดรถยนต์มือสองมีการกระจายตัวอยู่ทุกภูมิภาคในประเทศโดยเฉพาะภาคเกษตรกรรมที่ยังมีความจำเป็นต้องใช้ประกอบกิจการ
- ความต้องการรถยนต์มือสองสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ในยามเศรษฐกิจยังไม่ดี ทำให้ผู้ซื้อใช้เงินน้อยลง และนำเงินส่วนหนึ่งไปใช้ในการประกอบธุรกิจได้
สำหรับผลจากการควบคุมเพดานดอกเบี้ยของสำนักงานคณะกรรมการการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในส่วนของรถยนต์มือสอง ที่สถาบันการเงินจะเรียกเก็บตามความเสี่ยง คงไม่มีผลกระทบมากนักเพราะสถาบันการเงินจะมีวิธีการควบคุมได้จากมาตรการที่เข้มงวดอยู่แล้ว
การคาดการณ์ตลาดรถยนต์มือสองในปี 2566 ยังคงมีแนวโน้มที่ดีแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจที่ผ่านมาจะทำให้หนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้น ลูกหนี้อาจได้รับผลกระทบต่อการใช้จ่าย และชะลอการซื้อรถยนต์ในบางช่วง แต่ด้วยความระมัดระวังของสถาบันการเงิน และผู้ประกอบการธุรกิจรถยนต์มือสอง เชื่อว่าจะมีการปรับตัวไปตามสถานการณ์เพื่อให้ธุรกิจดำเนินการต่อไปได้