บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งข่าวว่า มาสด้า 2 ถือเป็นหนึ่งในเรือธงของค่ายมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย มีต้นกำเนิดจากเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาลงหลักปักฐานยังโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ จังหวัดระยอง โดยฝีมือของคนไทยเพื่อคนไทย และส่งออกไปไกลทั่วโลก เริ่มขึ้นไลน์ผลิตรุ่นแรกเมื่อปี ค.ศ. 2009 ได้สร้างชื่อเสียงกระหึ่มอย่างรวดเร็วมียอดขายสะสมสูงถึง 120,000 คัน ตามมาด้วยรุ่นที่สองที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟเริ่มผลิตและเปิดตัวแนะนำเมื่อปี ค.ศ. 2015 ต่อจาก CX-5 และมาสด้า3 โดยใช้ระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น มาสด้า2 ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการก้าวขึ้นครองแชมป์ตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก และเอาชนะแม้กระทั่งรถยนต์ อีโคคาร์เป็นเวลาถึง 3 ปีติดต่อกัน จนถึงวันนี้มาสด้า 2 รุ่นปัจจุบันมียอดขายสะสมสูงถึง 200,000 คัน และกำลังเก็บเกี่ยวยอดขายเป็นกอบเป็นกำ มาสด้า 2 รุ่นนี้มีดีอะไร ทำไมจึงเป็นที่ถูกอกถูกใจของวัยรุ่นไปทั่วบ้านทั่วเมือง เรามาเจาะลึกรายละเอียดความเหนือชั้นของเจ้าซิตี้คาร์คันนี้กันว่าจะเผ็ดร้อนจี๊ดจ๊าดสมคำร่ำลือมากน้อยแค่ไหนดังนั้นการพัฒนามาสด้า 2 จึงเป็นความท้าทายเป็นโจทย์ใหญ่ของทีมวิศวกรมาสด้าที่ต้องเปลี่ยนนิยามคำจำกัดความแบบเดิมๆ ที่ว่า “คุณค่าของรถ มักจะแปรผันไปตามขนาดของตัวรถ” มาสด้าจึงพยายามสร้าง “คุณภาพ” ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่การปรับปรุงรูปลักษณ์ การสัมผัส และความรู้สึก ที่เกิดจากการออกแบบ และความประณีตเท่านั้น แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความสะดวกสบาย สมรรถนะการขับขี่ที่ดี รวมถึงความรู้สึก การบังคับควบคุม และความนุ่มนวลในการขับขี่ เพื่อก้าวไปสู่ยุคใหม่ของรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ
1. ดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว โดนใจวัยรุ่น ขวัญใจนิสิตนักศึกษา
สิ่งที่ชัดเจนที่สุดต้องยกให้กับความสวยงามลงตัวของการออกแบบภายนอก ที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมี่ยมที่ได้รับการถ่ายทอดจากแนวคิด KODO – Soul of Motion เน้นความเรียบง่ายแต่หรูหรา ด้วยคอนเซ็ปต์ “Less is More” ทั้งดีไซน์ภายนอกไปจนถึงภายในห้องโดยสาร โดยให้ความสำคัญกับเส้นสาย และแสงเงาที่ตกกระทบบนตัวรถ ทำให้มาสด้า2 โดดเด่นสะดุดทุกสายตาแก่ผู้พบเห็น รวมถึงสีภายนอกที่มีให้เลือกถึง 8 สี โดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะสีแดง โซล เรด คริสตัล และ สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ ช่วยเสริมความเป็นสปอร์ตซิตี้คาร์ให้โดดเด่นในแบบฉบับรถยนต์นั่งยุคใหม่ได้อย่างลงตัว มีให้เลือกทั้งแบบแฮตช์แบค 5 ประตู และแบบซีดาน 4 ประตู เลือกสรรตามสไตล์ของผู้ขับขี่
2. ภายในหรูหราพรีเมี่ยม สะดวกสบาย และให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ
ภายในห้องโดยสารเลือกเฉพาะวัสดุคุณภาพสูงที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน และใส่ใจในทุกรายละเอียด จึงช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์สปอร์ตพรีเมี่ยมได้เป็นอย่างดี รวมถึงการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ โดยคำนึงถึงการใช้งานและประโยชน์ใช้สอยตามหลักปรัชญามนุษย์เป็นศูนย์กลาง HMI (Human-Machine Interface) ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ ส่งมอบความรู้สึกสะดวกสบายและประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นตลอดการเดินทาง
3. ครบทุกฟังก์ชั่นการติดต่อสื่อสารตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ไม่เพียงแค่ดีไซน์ภายนอกภายในเท่านั้น แต่ฟังก์ชั่นการใช้งานภายในรถก็ครบครันด้วยเช่นกัน รถรุ่นนี้มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกล้นคัน อาทิ ระบบ Mazda Connect ช่วยให้อัพเดทข้อมูลข่าวสารได้ตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย หรือรับส่งข้อความจากสมาร์ทโฟนผ่านสัญญานบลูทูธ พร้อม Infotainment มากมาย รวมถึง Apple CarPlay® และ Android AutoTM* ที่สามารถใช้งานเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน และแสดงผลบนหน้าจอสี Center Display ขนาด 7 นิ้ว รวมถึงสามารถฟังเพลงจาก Apple Music และค้นหาเส้นทางด้วย Google Maps ด้วยเสียงผ่าน Siri เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้มากยิ่งขึ้น
4. เจ้าของสโลแกนทั้งแรงทั้งประหยัดแถมเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
จากจินตนาการสู่การขับขี่ที่เป็นจริง มาสด้าได้สร้างความฝันของลูกค้าให้เป็นจริงด้วยการรวมเอาความแรงกับการประหยัดน้ำมาเป็นหนึ่งเดียว ด้วยความยอดเยี่ยมของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล SKYACTIV-D ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้พละกำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 26.3 กม./ลิตร ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด Activematic และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 1.3 ลิตร ให้พละกำลัง 93 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ประหยัดน้ำมันถึง 23.3 กม./ลิตร และยังมาพร้อมระบบประหยัดพลังงานอัจฉริยะ i-ELOOP และ i-STOP ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันและค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างดีเยี่ยม และทั้งสองเครื่องยนต์ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านมาตรฐานมลพิษระดับ Euro 5 อีกด้วย
5. ห้องโดยสารเงียบเพิ่มความสุนทรีย์ตลอดการเดินทาง
มาสด้า2 มีการปรับปรุงการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร เพื่อมอบความเพลิดเพลินให้แก่ผู้โดยสารทุกคน โดยได้มีการเพิ่มความหนาของเพดานหลังคา เพิ่มขอบซีลยางที่ประตูด้านหลังในรุ่นแฮทช์แบคและวัสดุดูดซับแรงสั่นสะเทือนที่บริเวณด้านในของซุ้มล้อหลัง เพื่อควบคุมเสียงก้องและเสียงสะท้อนที่จะเข้ามาภายในตัวรถ จึงทำให้ห้องโดยสารมีความเงียบสงบ ง่ายต่อการสนทนาเฉกเช่นเดียวกับรถรุ่นอื่นๆ ของมาสด้า ซึ่งนับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์นั่งขนาดเล็ก
6. ขับขี่ง่าย จอดง่าย จัดเต็มด้วยฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับโลก
แม้จะเป็นรุ่นเล็กที่สุดของมาสด้า แต่ระบบความปลอดภัยนั้นเรียกได้ว่าครบครันไม่แพ้รุ่นอื่น ไม่ว่าจะเป็นระบบแสดงภาพ 360° รอบทิศทาง ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้าและด้านหลังรวม 8 จุด กล้องมองหลังที่แสดงผลบนจอแสดงผลส่วนกลาง ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นถนนได้ทั้งสองทิศทางถึง 177° หรือสูงสุด 25 เมตร ทั้งยังมาพร้อมระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ที่ช่วยให้การเข้าจอดหรือใช้งานในที่แคบเป็นไปได้อย่างสะดวก และยังมีระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM) ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ (DSC) ระบบช่วยการออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน (HLA) ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน (ESS) และถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS จึงช่วยให้ทั้งสุภาพสตรีหรือผู้ขับรถมือใหม่ขับขี่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
7. ช่วงล่างหนึบเกาะถนนมั่นใจทุกการเข้าโค้ง ด้วยเทคโนโลยี GVC Plus พร้อมระบบ Cruise Control
ถ้าพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีที่ช่วยให้การขับขี่มั่นคงมีเสถียรภาพแล้ว ต้องยกให้กับระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC-Plus ช่วยให้การตอบสนองรถยนต์เกิดความราบรื่น และมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือเปลี่ยนเลนที่ความเร็วสูงหรือขับบนนถนนที่ลื่น รวมถึงยังมีระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift และระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control) ที่ช่วยให้การขับขี่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม
8. สื่อสารตรงกลุ่มเป้าหมายชัดเจน “ไม่หยุด...แค่ความธรรมดา”
วันนี้มาสด้ากำลังก้าวข้ามขีดข้อจำกัด เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มีสมรรถนะสูง และประหยัดน้ำมันดีที่สุดในตลาด มาสด้ากำลังก้าวสู่อีกขั้นของความรู้สึก พร้อมเปิดทุกประสาทสัมผัสไปกับยนตรกรรมที่สะท้อนตัวตนอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่มากกว่าคำว่าธรรมดา ตามคอนเซ็ปต์ “ไม่หยุด…แค่ความธรรมดา” เพราะความธรรมดาใครๆ ก็เป็นได้ แต่สำหรับลูกค้ามาสด้า2 นั่นเพราะคุณคือคนพิเศษที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร
นี่คือคุณสมบัติเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ส่งผลให้มาสด้า 2 กลายเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่มีความคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดรุ่นหนึ่ง และยังมีราคาที่จับต้องได้ง่ายเริ่มต้นเพียง 5 แสนกว่าบาท ซึ่งถ้าถามว่าเลือกรถอะไรดี มาสด้า2 ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ลงตัวมากที่สุดสำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี หรือ แม้แต่มือใหม่ มาสด้าเชื่อว่ารถรุ่นนี้จะเข้ามาเติมเต็มการใช้ชีวิต เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นให้กับเจ้าของได้อย่างดีที่สุด