บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งข่าวว่า บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวฮอนด้าซิตี้ใหม่ เจเนอเรชันที่ 5 ครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย อีกขั้นแห่งยนตรกรรมซิตี้คาร์ที่พร้อมขับเคลื่อนพาคุณให้ไปไกลเกินกว่าทุกความคาดหมาย และเปิดทุกความเป็นไปได้ด้วยอีกขั้นแห่งความสปอร์ตหรูหราของดีไซน์ภายนอก ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง และหรูหราเกินคลาสพร้อมท้าทายทุกการขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเทอร์โบเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรVTEC TURBO 122 แรงม้า ที่ทรงพลัง และให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย
พิเศษครั้งแรกกับรุ่น RS ที่พร้อมตอกย้ำความสปอร์ตเร้าใจ ด้วยชุดแต่งสไตล์ RS รอบคัน อีกทั้งนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่ และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เจเนอเรชันล่าสุดมาพร้อมสีใหม่ สีแดงอิกไนต์ (Ignite Red)ร่วมสัมผัสฮอนด้าซิตี้ ใหม่ ได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 36 (The 36th Thailand International Motor Expo 2019)ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน –10 ธันวาคม 2562 และพบกันที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไปสำหรับลูกค้าที่จอง ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 – 31 ธันวาคม2562 และรับรถภายในวันที่ 31 มกราคม2563 พร้อมรับนาฬิกาFitbit Smart Tracker รุ่น Charge3 สี Graphite/Black มูลค่า 6,490 บาท
มร.มาซายูคิ อิงาราชิ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ งานปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น และประธานกรรมการบริหารและซีอีโอบริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้าซิตี้นับเป็นหนึ่งในยนตรกรรมที่สำคัญของฮอนด้าที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นยนตรกรรมสำหรับภูมิภาค (Regional Model) โดยเปิดตัวเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียเมื่อปี พ.ศ. 2539 และได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เจเนอเรชัน 1 ถึง เจเนอเรชัน 4 ด้วยยอดขายสะสมใน 60 ประเทศทั่วโลกกว่า 4 ล้านคัน ซึ่งภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียเป็นตลาดที่สำคัญของฮอนด้าซิตี้ เห็นได้จากยอดขายกว่า 100,000 คัน ในปี 2562 (มกราคม – กันยายน2562) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% จากยอดขายฮอนด้าซิตี้ทั่วโลก
และประเทศไทย ถือ เป็นตลาดหลักของฮอนด้าซิตี้ทั้งในแง่ของการเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงอีกทั้งเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของฮอนด้าในภูมิภาคอีกด้วยในวันนี้ลูกค้าชาวไทยจะได้สัมผัสกับ ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ เป็นครั้งแรกในโลก โดยจะเป็นยนตรกรรมที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ที่เหนือความคาดหมายของลูกค้าและสร้างมาตรฐานใหม่ให้ตลาดรถยนต์ไทยได้อีกครั้งหนึ่ง
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัดเผยว่า ฮอนด้าซิตี้ เป็นยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในระดับรถซิตี้คาร์ด้วยการสร้างมาตรฐานใหม่ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสามารถครองตำแหน่งผู้นำในตลาดซับคอมแพคท์จากความสำเร็จของฮอนด้าซิตี้กว่า 2 ทศวรรษ การพัฒนาฮอนด้าซิตี้เจเนอเรชันใหม่จึงถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญ โดยจะเป็นรถซิตี้คาร์ที่พัฒนาให้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมและเหนือกว่ารถในระดับเดียวกันในทุกด้านแต่ยังเพิ่มความคุ้มค่าด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ซึ่งมาพร้อมราคาที่ปรับลดลงในทุกเกรด ด้วยคุณค่าใหม่นี้ ฮอนด้าซิตี้เจเนอเรชันที่ 5 จะเข้ามาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอีกครั้ง
ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ต และสง่างามสะกดทุกสายตาด้วยเส้นสายที่เฉียบคมโดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED กระจังหน้าแบบโครเมียมเสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารเปลี่ยนทุกสุนทรียภาพให้กว้างขวางกว่าที่เคยด้วยการออกแบบพื้นที่ให้สอดคล้องกับสรีระเพื่อความสะดวกสบายในทุกที่นั่งทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารมาพร้อมความหรูหราและสวยงามยิ่งขึ้นในโทนสีดำ หรือเบาะหนังและภายในสีทูโทน ไอเวอรี่/ดำ (เฉพาะรุ่น SV) คอนโซลหน้าแบบ Piano Black มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียมตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม
อาทิ มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติเป็นต้น
ครั้งแรกกับ ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ รุ่น RS ที่เปลี่ยนมุมมองรถซิตี้คาร์ให้สปอร์ตหรูหรามากกว่าที่เคย ด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคันโดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS มาพร้อมกันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ตไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกแบบ LED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตพร้อมไฟเลี้ยวในตัว สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ RS และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว ภายในห้องโดยสารสะท้อนความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง และดึงดูดทุกสายตาด้วยสีภายนอกใหม่ สีแดงอิกไนต์(Ignite Red) เฉพาะรุ่น RS
ท้าทายข้อจำกัดทุกการขับขี่ด้วยขุมพลังเทอร์โบใหม่เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO3 สูบ 12 วาล์ว มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็วให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173นิวตัน-เมตรที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาทีให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร (เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม)และแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตรผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตรตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด สะดวกสบายด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติโดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานไอเสียยูโร 5 (EURO 5)ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่99กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20 ได้อีกด้วย
เพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทางด้วยถุงลม6 ตำแหน่งระบบเบรกป้องกันล้อล็อก(ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist - VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist - HSA) และกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ(Multi-angle Rearview Camera)
- ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นได้แก่
รุ่น RS ราคา 739,000 บาท
รุ่น SV ราคา 665,000 บาท
รุ่น V ราคา 609,000 บาท
รุ่น S ราคา 579,500 บาท
และมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีแดงอิกไนต์(เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS สีขาวแพลทินัม (มุก)เฉพาะรุ่น RS และรุ่น SV สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) และสีขาวทาฟเฟต้าเฉพาะรุ่น V และรุ่น S โดยมาพร้อมข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้าที่จอง ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน2562 - 31ธันวาคม 2562 และรับรถภายในวันที่ 31 มกราคม 2563 รับนาฬิกาFitbit Smart Tracker รุ่น Charge 3 สี Graphite/Black มูลค่า 6,490 บาท
เสริมความสปอร์ตในสไตล์คุณไปอีกขั้นด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) รอบคันที่มาพร้อมกับแนวคิด“Stage Up Booster” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือกเช่นสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกราคา 8,150บาทแป้นคันเร่ง และเบรกดีไซน์สปอร์ตราคา 1,300 บาท คิ้วบันได LED ราคา 4,400 บาท ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วลายสปอร์ตราคา 3,600 บาท(ราคาต่อ1วงไม่รวมยาง)ไฟตัดหมอกแบบLED ราคา5,500บาทและกล้องหน้ารถราคา 3,850 บาท
นอกจากนี้ยังมีให้เลือกในรูปแบบแพ็กเกจทั้งหมด3แพ็กเกจได้แก่
• Modulo Aero Packageราคา 15,500 บาทประกอบด้วยสเกิร์ตหน้าแบบ 2 ชิ้นสเกิร์ตข้างและสเกิร์ตหลังแบบ2ชิ้น
• Modulo Aero RS Package ราคา 17,900 บาทประกอบด้วยสเกิร์ตหน้าแบบ2ชิ้นสเกิร์ตข้างและสเกิร์ตหลังแบบ 2 ชิ้น
• Modulo Aero Sport Packageราคา 23,500 บาทประกอบด้วยสเกิร์ตหน้าแบบ2ชิ้นสเกิร์ตข้างสเกิร์ตหลังแบบ2ชิ้นและสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก
ลูกค้าที่สนใจสามารถสัมผัส ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ ได้ที่บูทฮอนด้า (A14) ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่36 (The 36th Thailand International Motor Expo 2019) ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน– 10 ธันวาคม 2562 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็คเมืองทองธานีและพบกับ ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลจากที่ปรึกษาการขายได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่www.honda.co.th/cityโดยสามารถลงทะเบียนเพื่อทดลองขับผ่าน www.honda.co.th/testdrive
หมายเหตุ :
- อุปกรณ์มาตรฐาน อาจแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
- สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท และ สีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000บาท
- ราคาแพ็กเกจชุดแต่งโมดูโล ไม่รวม VAT 7%
- รายละเอียดอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติม สามารถอ่านได้จากhttps://hondaaccess.co.th/line-up/honda-city
- ข้อเสนอพิเศษสำหรับ ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด
#########