นายเทวิน รัฐการวงศ์ หรือ “เสี่ยป้อม” หรือ “บิ๊กป้อม” ผู้จำหน่ายรถมือสองรายใหญ่ในจังหวัดนนทบุรี หรือ ที่หลายๆ ท่านรู้จักในนามเต็นท์รถ “สามัคคี ออโต้คาร์S” เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดรถยนต์มือสอง หรือ รถใช้แล้วในประเทศไทยว่า ในปี พ.ศ.2563 นี้เรายังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าทิศทางตลาดรถมือสองจะเป็นอย่างไรแต่เราเชื่อว่ายังคงร้อนแรง และต้องจับตาในความชัดเจนเกี่ยวกับปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลกระทบกับตลาดโดยตรง เช่น 1.นโยบายการปล่อยสินเชื่อรถยนต์จากทางสถาบันการเงินว่าจะเข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อเหมือนปี พ.ศ.2562 หรือไม่
2.จับตาว่ารถมือสองจะถูกผลักเข้าสู่ตลาดมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากรถมือสองเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นจนล้นตลาดก็จะทำให้เกิดการแข่งขันทางด้านราคาซึ่งอาจส่งผลต่ออุปสรรคในการดำเนินธุรกิจเช่นกัน 3.ต้องจับตาผู้ประกอบการรถยนต์ป้ายแดงว่าจะทำสงครามในเรื่องของราคาหรือไม่ โดยเฉพาะการที่ค่ายรถป้ายแดงได้มีการออกยนตรกรรมใหม่ๆ เช่น รถอีโคคาร์ และรถปิกอัพ รวมทั้งจัดแคมเปญส่งเสริมการขายที่ดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจุดนี้ก็จะถือเป็นปัจจจัยที่มากระทบกับตลาดรถมือสองเช่นกันแต่ตรงนี้ทางเราก็ปรับแผนการดำเนินธุรกิจเพื่อรับมือเช่นกัน
4.จับตาเรื่องนโยบายการช่วยเหลือจากภาครัฐว่าจะสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ใช้แล้วอย่างไรบ้าง ซึ่งอุตสาหกรรมรถยนต์ใช้แล้วก็ถือเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่ภาครัฐได้รับภาษีกับธุรกิจนี้เฉลี่ยแล้วในแต่ละปีมีจำนวนไม่น้อย และเป็นมูลค่ามหาศาล หรือ 5.นโยบายเกี่ยวกับภาษีต่างๆ ที่ภาครัฐจะมีการจัดเก็บเพิ่มว่าจะมีเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมรถยนต์ใช้แล้วอีกหรือไม่อย่าง เป็นต้น ซึ่งใน 5 หัวข้อนี้เป็นเพียง 5 ปัจจัยที่หยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างเท่านั้น
“กับสถานการณ์ตลาดรถมือสอง ในปี 2563 นี้ ผมเชื่อว่าตลาดน่าจะมีกำลังซื้อที่ใกล้เคียง กับปี 2562 นะครับ เพราะรถมือสองยังเป็นความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาในแต่ละปีลูกค้ากลุ่มที่นิยมรถมือสองก็ไม่ได้ลดลงจนน่าห่วงแต่อย่างไร แต่ทั้งนี้มันอยู่ที่ความเชื่อมั่นของลูกค้า และความสามารถในการซื้อมากกว่า คือ มันขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินด้วย ซึ่งหากมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากเกินไปก็จะกระทบกับยอดขายโดยรวมได้เช่นกันครับ”นายเทวิน กล่าว
นายเทวิน ยังกล่าวอีกว่า สำหรับในส่วนสามัคคี ออโต้คาร์ S นอกเหนือจากมาตรการที่เรายกมาเป็นตัวอย่างที่ต้องจับตาในการดำเนินธุรกิจด้วยแล้วนั้น ในส่วนของผมก็ต้องมีการเรียนรู้เรื่อง และรับมือกับเรื่อง ดิจิทัล ดิสรัปชั่นด้วย รวมถึงเราต้องหาความรู้ใหม่ๆ ในวิวัฒนาการโลกยานยนต์ประกอบกอบการดำเนินธุรกิจ เพราะอุตสาหกรรมยานยนต์มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นยนตกรรมสายพันธุ์ใหม่ เช่น รถอีวี รถไฮบริด รถปลั๊ก-อินไฮบริด หรือ รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่นับวันยิ่งเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง หรือ นโยบายการรณรงค์เกี่ยวกับเรื่องของการเลือกใช้เกรดของน้ำมันในการขับเคลื่อนรถ เป็นต้น ซึ่งตรงนี้ต้องติดตามกับเทคโนโลยีให้ทันอย่างใกล้ชิด และสุดท้ายสิ่งสำคัญกับนโยบายการทำสื่อโฆษณาทางโซเชียลมีเดียเองเราก็จะต้องเลือกใช้สื่อให้เหมาะสม และตรงกลุ่มเป้าหมายที่สุดเพื่อให้คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่ทุ่มเงินลงไปนั่นเองครับ
- คุณเทวิน รัฐการวงศ์ หรือ “เสี่ยป้อม” หรือ “บิ๊กป้อม" คือใคร?
อนี่งก่อนหน้านี้ คุณเทวิน รัฐการวงศ์ หรือ "เสี่ยป้อม" หรือ "ปิ๊กป้อม" เคยเป็นข่าวโด่งดังในวงการรถเมื่อไม่นานโดยกระแสข่าวระบุว่า เพราะชื่อเสียงรวมทั้งความซื่อสัตย์บวกกับประสบการณ์ และความจริงใจที่มอบให้กับลูกค้าซึ่งนำมาสู่แรงบันดาลใจที่ช่วยส่งเสริม และผลักดันให้ชายหนุ่มมากความสามารถผู้นี้กล้าตัดสินใจที่จะทิ้งงานประจำในบริษัทที่มั่นคงเพื่อเดินหน้าแสวงหาเส้นทางสายใหม่บนเวทีของนักธุรกิจเต็มตัวได้อย่างสมภาคภูมิด้วยเงินที่เก็บมาเกือบทั้งชีวิตกว่า 4 แสนบาทผ่านมาเพียงปีเศษๆ เขามีเงินทุนกว่า 14 ล้านบาทได้ในเวลาอันรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ทีมงาน"ข่าวรถ"ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณเทวิน รัฐการวงศ์ หรือ “เสี่ยป้อม” เจ้าของเต็นท์รถมือสองรายใหญ่ที่หลายๆ ท่านรู้จักกันดีในนามเต็นท์รถ“สามัคคี ออโต้ คาร์S”ซึ่งเขาจะมาบอกเล่าเรื่องราว ดีๆ ให้กับเราฟังนั่นเอง
คุณเทวิน รัฐการวงศ์ หรือ“เสี่ยป้อม”คนดังในวงการรถยนต์มือสอง ได้เคยกล่าวกับเราว่า ผมเริ่มดำเนินธุรกิจเต็นท์รถมือสองตั้งแต่เดือนเมษายน 2561 ด้วยเงินทุนเพียง 8 แสนบาท โดยแบ่งเป็นเงินเก็บของผม 4 แสนบาท และเงินกู้ยืมอีก 4 แสนบาท ก่อนหน้าที่จะมาเปิดเต็นท์รถ ผมทำงาน สำนักงานกฎหมายมา 6 ปี ต่อมารู้สึกว่าไม่ใช่ ก็เข้ามาทำงานที่ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย ด้านสินเชื่อรถยนต์มือหนึ่ง มือสอง รวมถึงรถยนต์สิบล้อ ตู้เย็น และอื่นๆ รวมถึงจัดไฟแนนซ์รถที่มีเครื่องยนต์ทุกรูปแบบ ทำมา 4 ปี หลังจากนั้น ก็ย้ายมาอยู่ธนาคารธนชาต มาทำสินเชื่อรถมือสองโดยตรง ทำมานานกว่า 6 ปี ด้วยที่บ้านไม่ค่อยมีฐานะ และต้นทุนมากนัก ก็ขยันหาเงินเก็บเงินจนมาถึงปัจจุบัน
แต่สาเหตุที่ต้องออกจากงานประจำด้วยเหตุผลที่ว่า“ชีวิตคือการผจญภัย ชีวิตต้องไม่หยุดนิ่ง และพร้อมที่จะกล้าเผชิญหน้ากับทุกปัญหา และอุปสรรค เพื่อให้เราได้มาซึ่งความสำเร็จ”ผมคิดว่างานประจำไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ ผมอยากเป็นเจ้าของธุรกิจมีความฝันเหมือนกับใครหลายๆ คน ซึ่งความคิดหลากหลายสิ่งที่หล่อหลอมรวมกันทำให้ผมกล้าที่จะเดินหน้าลาออกจากงานประจำเพื่อออกมาตามหาความฝันที่ผมตั้งใจไว้ครับ
ในตอนนั้นคุณป้อม บอกกับเราว่า เงินทุน 8 แสนที่ได้เขาลงมือจับรถขายช่วงแรกแค่ 4 คันเท่านั้น แม้สถานที่จอดรถจะไม่เอื้ออำนวยแต่นกน้อยทำรังแต่พอตัวฉันใด พ่อค้าก็พร้อมที่จะเดินหน้าแต่พอตัวฉันนั้นเขาเลือกที่จะยืมบ้านพี่ชายจอดรถเพื่อรอการขายนั่นเอง
“ผมทำธุรกิจซื้อขายรถมือสองด้วยเงิน 8 แสนบาท ผมคิดว่า ผมยังไม่ต้องหาเช่าเต็นท์หรูๆ ทำผมยอมรับว่า ผมไม่มีเงินมากมายที่จะไปสร้างเต็นท์รถหรูๆ แต่ด้วยผมรู้จักลูกค้าสินเชื่อเยอะ รู้จักรุ่นพี่ที่ทำธุรกิจเต็นท์รถเยอะ รู้จักคนมากมายการบอกต่อจึงเกิดขึ้นว่า ผมเป็นพ่อค้าขายรถมือสองแบบที่คนในวงการมักจะเรียกว่า พ่อค้าแบบซื้อมาขายไป ไม่เน้นกิจการใหญ่โตอะไร จากนั้นเมื่อมีหลายคนสนับสนุนทำให้มีลูกค้าเป็นระยะๆ รถโดนหมุนเข้าหมุนออก หรือ ลูกค้าซื้อรถไป ผมก็ไปจับรถมาใหม่ เน้นรถคุณภาพดี ขายรถได้ไว บริการดี ผ่านมาประมาณ 2 เดือนผมมีรถที่เป็นทรัพย์สินรอการขายแล้วกว่า 10คัน”คุณป้อมกล่าวกับเรา
และจุดนี้จึงเป็นที่มาของการขยายกิจการในช่วงเวลาต่อไป และด้วยความสามารถบวกกับประสบการณ์ในวงการหล่อหลอมรวมกับความซื่อสัตย์กับลูกค้าทำให้ในช่วงของการก้าวเข้าสู่การเปิดเต็นท์รถที่เขาใฝ่ฝันไว้อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมนั่นเอง
“เมื่อรถมีแล้วกว่า 10 คัน ผมจึงต้องปรับบทบาทใหม่จากพ่อค้าที่หลายคนเรียกว่า กลุ่มซื้อมาขายไปกำลังจะถูกเปลี่ยนแปลงเป็นพ่อค้าเต็นท์รถเต็มตัวในช่วงเวลาต่อมา ผมเริ่มหาทำเลในการเปิดเต็นท์รถแบบจริงจัง และสิ่งที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนอีกหนึ่งเรื่อง คือ เมื่อเกิดการขยายธุรกิจเกิดขึ้น จึงเริ่มเกิดการหาพันธมิตรมาร่วมธุรกิจกัน ผมโชคดีได้เพื่อนที่รู้ใจมาร่วมลงทุนด้วยซึ่งจุดนี้จึงทำให้เป็นจุดเปลี่ยนของผมด้วยเช่นกัน การร่วมทุนนี้ผม และผู้ร่วมทุนเดินหน้าดำเนินธุรกิจร่วมกันกว่า 6 เดือน รถที่ผมเคยมี เพียงแค่ 10 คันในเต็นท์ ถูกเพิ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็วโดยรถมีเพิ่มขึ้นถึง 75 คันนั่นเอง”คุณป้อม กล่าวกับเรา
อย่างไรก็ตามงานเลี้ยงยอมมีวันเลิกรา กว่า 6 เดือนที่ผ่านมา ธุรกิจเริ่มโตขึ้น คุณป้อม และผู้ร่วมทุนจึงต่างฝ่ายต่างแยกย้ายเพื่อออกมาทำธุรกิจของตัวเอง ขณะนี้รถเหลือประมาณ 40 คัน แต่ก็ยังเดินต่อไปได้ ถึงแม้อาจจะเหนื่อยกับการดำเนินธุรกิจไปบ้าง ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่การการผจญภัยยังเข้มข้นต่อเนื่อง
“ครับประมาณ 6 เดือนของการร่วมทุนกันพอธุรกิจโตหุ้นส่วนเราก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำธุรกิจของตนเอง ตอนนี้ผมมีเงินทุนบวกกับทรัพย์สินในส่วนของผมอยู่ประมาณ 14 ล้านบาทครับ ซึ่งผมก็ต้องขอขอบคุณประสบการณ์ที่ผ่านมา ด้วยที่ทำให้ผมมีในวันนี้จุดสำคัญที่ผมคิดว่า เป็นโอกาสที่ดีของการทำธุรกิจของผม คือ ผมใช้เงินทุนหมุนเวียนส่วนใหญ่เป็นเงินสด เป็นเงินหมุนเวียนในกิจการ ส่วนใหญ่จะไม่ใช้เงินกู้ จะมีก็แต่ตอนที่กู้เงิน 4 แสนในตอนแรกเท่านั้นซึ่งตรงนี้จึงทำให้ผมรู้สึกว่า ผมเติบโตไปอย่างมั่นคงนั่นเองครับ”เสี่ยป้อม กล่าวกับเรา
ผู้สื่อข่าวถามในช่วงที่ผ่านมาว่า : คุณป้อมมีแผนจะกู้เงินเพิ่มเติมเพื่อมาขยายธุรกิจอีกไหมครับ?
คุณป้อม กล่าวตอบว่า เรื่องกู้ผมก็คิดๆ อยู่ แต่ผมว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เราจะต้องมีภาระมากมายในตอนนี้ เงินจะกู้ตอนไหนก็คงไม่ใช่อุปสรรคสำคัญ แต่ถ้าผมคิดว่าผมพร้อมที่จะทำธุรกิจ ให้เติบโตในวันข้างหน้า ควรที่จะวางแผนการให้ดีก่อนที่จะกู้เอาเงินมาหมุนโดยไม่ศูนย์เปล่า พร้อมให้ผลกำไรที่ชัดเจน เม็ดเงินทุกบาท ถ้าเราเอามามีแต่ดอกเบี้ยเดินทุกวัน ถ้าจะทำก็เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวเคยถามอีกว่า : อีกคำถามครับ มีมุมมองอย่างไร ในเรื่องการทำธุรกิจ รถยนต์มือสอง ในอนาคต?
เสี่ยป้อม ตอบว่า ในแวดวงธุรกิจรถยนต์มือสองในอดีต ขอย้ำนะครับว่า ในอดีตเท่านั้นคือ ตอนนั้นผมเคยทำงานไฟแนนซ์ ผมว่า ลูกค้า หรือ กลุ่มคนส่วนใหญ่ก็จะกลัวไม่กล้าซื้อรถเต็นท์ อันนี้ผมเข้าใจ คือ มีปัจจัยหลายเรื่องที่สนับสนุนในเรื่องนี้ เพราะว่าในเรื่องของเต็นท์บางรายที่ไม่ได้คุณภาพขาดการดูแลเอาใจใส่ลูกค้า การคัดสรรรถยนต์ต่างๆ ไม่ละเอียดซึ่งผู้ประกอบการแบบนี้แม้จะเป็นส่วนน้อย แต่ก็จะมีปะปนเข้ามาในวงการรถมือสองบ้าง และแม้จะเป็นส่วนน้อยแต่ก็สามารถทำให้ข่าวออกมาในแง่ลบได้ตรงนี้ก็จะทำให้เสียงชื่อเสียงทั้งวงการ รวมถึงในสื่อต่างๆ ในหนังบางเรื่อง ที่มีผีอยู่ในรถ จอดอยู่ที่เต๊นท์รถยนต์ (เสี่ยป้อมหัวเราะ) เป็นการปลูกฝังลงลึกมาก กลายเป็นปัญหา ของผู้ประกอบการที่ดี และใส่ใจลูกค้า ที่ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการให้บริการ เพื่อกลบปัญหา และลบกระแสพวกนี้ต่อไป
แต่ปัจจุบันผมกล้า พูดเลยว่า 99% ของทุกเต๊นท์รถยนต์ใช้แล้วก็คือ รถบ้านนั่นละครับ อยู่ที่แต่ละคนจะนิยามกันครับ เพราะก็รู้ว่ามันคือรถใช้งานแล้ว เต็นท์รถยนต์ส่วนใหญ่ตอนนี้ เกือบทุกที่ก็พยายามคัดสรรรถดีๆ ให้กับลูกค้าอยู่แล้วครับ ส่วนการบริการ การตลาดต่างๆ อยู่ที่ผู้ประกอบการแต่ละที่ จะมีกลยุทธ์ในการทำการตลาดแบบไหน ส่วนผมคงเน้นด้านการบริการ ควบคุมคุณภาพรถยนต์ให้ขับเคลื่อนได้ดี และพัฒนาเรื่องพวกนี้เป็นหลัก เพราะลูกค้ามีหลากหลายอาชีพ ชอบไม่เหมือนกัน ก็ต้องตั้งโจทย์ครับ ทำยังไงให้ลูกค้าออกรถกับเรา ลูกค้าเขารับภาระผ่อนค่างวดไหวไหม และนำรถไปใช้งานได้เกิดประโยชน์สูงสุดไหม แค่นี้ล่ะครับการทำธุรกิจในอนาคต ผมก็จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจมากที่สุด
อย่างไรก็ตามทรัพย์สินรวมเงินสดกว่า 14 ล้านบาทด้วยน้ำพักน้ำแรงของ “เสี่ยป้อม” ด้วยวัยเพียง 37 ปีไม่ได้ทำให้เขาหยุดที่จะก้าวเดินในการประกอบธุรกิจแต่อย่างไร เขาใช้โอกาสนี้เดินหน้าบุกธุรกิจอื่นต่อโดยไม่เคยคิดย่อท้อแม้เพียงสักครั้งโดยที่ผ่านมา"คุณป้อม"ยังเคยบอกกับเราว่า
“เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา ผมมีเงิน 8 แสนในการประกอบธุรกิจ ตอนนี้ผมมีทรัพย์สินและเงินมูลค่ากว่า 14 ล้าน ผมก็จะยังคงเป็นผมคนเดิม เดินหน้าสานฝันทำธุรกิจของผมต่อไป ล่าสุดผมเตรียมเปิดอู่ซ่อมสี และตัวถัง พร้อมกับเตรียมขยายเต็นท์รถเพิ่ม ซึ่งในเร็วๆ นี้ผมจะให้ข่าวอีกครั้งครับ ต้องขอขอบคุณสื่อ"ข่าวรถ"ที่เปิดโอกาสเข้ามาพูดคุยกับผมอย่างน้อยที่สุดก็เป็นเรื่องราวดีๆ และคิดว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคน ที่มีความฝันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ผมก็คืออดีตพนักงานบริษัทคนหนึ่งที่ไม่หยุดคิด ไม่หยุดสร้างฝัน ผมเดินมาถึงทุกวันนี้ ผมก็ไม่ได้คิดว่าผมประสบความสำเร็จที่สุดแต่อย่างไร เพียงแต่อยากส่งต่อเรื่องราวดีๆ และเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่มีฝันครับ”เสี่ยป้อม กล่าวกับเราในตอนท้าย
#########