หลังจากที่ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้เชิญสื่อมวลชนไปทดลองขับ แอคคอร์ด ใหม่ เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO ที่ จ. เชียงใหม่ เมื่อไม่นาน ล่าสุดฮอนด้ายังได้เชิญสื่อมวลชนไปทดลองขับ แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ในช่วงเวลาต่อมา ทั้งนี้ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มาพร้อมขุมพลังการขับเคลื่อนระบบ Sport Hybrid i-MMD ระบบ Full Hybrid ที่ได้รับการพัฒนาให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง และอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ซึ่งมาพร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ซึ่งการทดลองขับของสื่อมวลชนจะใช้เส้นทางจากอำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มุ่งหน้าสู่ อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา รวมระยะทางกว่า 153 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ผู้เขียนได้ทำการทดลองขับดู และนำมาเปรียบเทียบกันระหว่างรุ่น แอคคอร์ด ใหม่ ในรุ่น TURBO EL ด้วยราคา 1,475,000 บาท กับ แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ รุ่น HYBRID TECH ด้วยราคา 1,799,000 บาท และรุ่น HYBRID ด้วยราคา 1,639,000 บาทนั้น ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนต้องขอบอกว่า เราชอบรุ่นไฮบริดมากกว่า แม้จะต้องแลกมาด้วยการเพิ่มเงินที่สูงถึงหลายแสนบาทก็ตาม และคราวนี้เราลองมาดูเหตุผล ทำไมผู้เขียนถึงเทใจให้กับ แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มากกว่า รุ่น แอคคอร์ด ใหม่ ในรุ่น TURBO EL
* ดีไซน์ภายนอก
ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มาพร้อมดีไซน์ภายนอกผสานความหรูหราสง่างามกับความสปอร์ตไว้อย่างลงตัว ผ่านการออกแบบที่เรียบหรูแต่ประณีตในทุกรายละเอียด ด้วยเส้นสายที่ปราดเปรียว และเฉียบคม สะท้อนความสปอร์ตพรีเมียมอย่างเหนือระดับ มาพร้อมกระจังหน้าโครเมียมที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ไว้ได้อย่างชัดเจน เสริมความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลัง (เฉพาะรุ่น HYBRID TECH) และเสาอากาศครีบฉลามเพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางด้วยซันรูฟพร้อมระบบ One-touch (เฉพาะรุ่น HYBRID TECH) พร้อมด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 18 นิ้
*ดีไซน์ภายใน
สำหรับดีไซน์ภายในห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบอย่างประณีต ผสมผสานความสปอร์ตพรีเมียมได้อย่างลงตัว ผ่านการใช้โครงสร้างเส้นสายในแนวนอน เพื่อทำให้บริเวณคอนโซลกลางโปร่งโล่ง และส่งผลให้มีพื้นที่ช่วงขามากขึ้น อีกทั้งมอบทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ สะดวกสบายเหนือระดับกับห้องโดยสารดีไซน์ใหม่ที่กว้างขวาง เบาะหนัง และชุดตกแต่งภายในลายไม้ที่มาพร้อมเอกลักษณ์แห่งความหรูหรา ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานเพื่อสุนทรียภาพในทุกการเดินทาง ได้แก่
- เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง
- ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Memory Seat) พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลง
- ปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า(รุ่น HYBRID และรุ่น HYBRID TECH)
- เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังสามารถพับได้
*เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล้ำสมัยระดับพรีเมียม
- มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว
- ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri
- ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-Up Display : HUD)(เฉพาะรุ่น HYBRID TECH)
- ระบบนำทางเนวิเกเตอร์(รุ่น HYBRID และรุ่น HYBRID TECH)
- พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่ม รับ-วางสายโทรศัพท์ รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri (รุ่น TURBO EL) พร้อมปุ่มควบคุมระบบการทำงานที่อยู่ใน Honda SENSING ได้แก่ ACC with LSF และ LKAS (รุ่น HYBRID) หรือพร้อมปุ่มควบคุมระบบการทำงานที่อยู่ใน Honda SENSING ได้แก่ACC with LSF,LKAS และ HUD (รุ่น HYBRID TECH)
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง
- อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) (รุ่น HYBRID และรุ่น HYBRID TECH)
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)อีกระดับของการสั่งการแบบอัจฉริยะ ด้วยการสตาร์ทเครื่องยนต์ และสั่งการเปิดเครื่องปรับอากาศได้จากระยะไกลเพื่อเตรียมพร้อมบรรยากาศที่ผ่อนคลายก่อนออกเดินทาง
- ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ(One Push Ignition System)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System)
- ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)
- ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง (ในทุกรุ่น) และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง (รุ่น HYBRID และรุ่น HYBRID TECH)
*นวัตกรรมการขับเคลื่อนแห่งอนาคต
ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ เป็นระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD )เป็นการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215 แรงม้า สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างอัจฉริยะเพื่อตอบสนองทุกการขับขี่ ได้แก่
- โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) มอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และในขณะลดความเร็วจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดจากการลดความเร็วให้กลับเป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ ซึ่งในระบบนี้จะให้ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และให้ความเงียบเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง โดยแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น ช่วยให้สามารถขับขี่ในโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ได้อย่างต่อเนื่องและทำความเร็วได้สูงสุดถึง130กิโลเมตร/ชั่วโมง ทั้งนี้ ผู้ขับขี่สามารถกดสวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EVMode) เพื่อเข้าสู่โหมดการขับขี่ที่ใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน โดยจะมีสัญลักษณ์ EV สีเขียวปรากฏขึ้นบนแผงหน้าปัด ให้การขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันและเงียบสนิท ซึ่งระบบจะทำงานและตัดเข้าสู่การทำงานในโหมดอื่นตามสภาพการขับขี่ที่เปลี่ยนไป
- โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) เป็นระบบขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์ และพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว และมีอัตราเร่งที่ตอบสนองทันใจ และในขณะลดความเร็ว เครื่องยนต์จะหยุดทำงานและชาร์จไฟกลับอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในขณะเร่งความเร็วที่ให้อัตราเร่งที่นุ่มนวลและทรงพลัง
- โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) พลังขับเคลื่อนจะมาจากเครื่องยนต์ โดยชุดล็อกอัพคลัตช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์และส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อโดยตรง ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงและมีแรงเสียดทานต่ำ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่โดยระบบSport Hybrid i-MMD ใหม่ เป็นระบบFull Hybrid ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 24.4 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 97 กรัม/กิโลเมตร
โดย ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต(Sport Drive Mode)ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงอารมณ์สปอร์ตได้อย่างแท้จริง ตอบสนองอัตราเร่งได้อย่างเร้าใจยิ่งขึ้น สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายเพียงกดปุ่ม SPORTที่อยู่บริเวณด้านล่างของคันเกียร์ โดยสัญลักษณ์ SPORT จะแสดงขึ้นบนมาตรวัดในขณะที่ใช้ระบบอีกทั้ง ECON Mode ระบบที่ช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง โดยจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์และระบบเกียร์ให้สัมพันธ์กัน นอกจากนั้น ระบบจะปรับการทำงานของระบบปรับอากาศและการหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสารให้เหมาะสม ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
*เทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย สู่ประสบการณ์ใหม่แห่งการขับเคลื่อน
ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชันที่ 10 มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมียม ได้แก่
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)ที่ช่วยลดจุดบอดในการมองเห็นของกระจกมองข้างด้านซ้าย โดยจะใช้กล้องในการจับภาพและแสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 8 นิ้ว (ทุกรุ่น)
- กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในจังหวะที่เกียร์ถูกเปลี่ยนมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอยหลังโดยสามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน(เฉพาะรุ่น TURBO EL และ รุ่น HYBRID)
- ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) โดยระบบจะตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ผ่านการควบคุมพวงมาลัยและแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT หากประสิทธิภาพในการควบคุมรถของผู้ขับขี่ลดน้อยลงจนอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ระบบจะส่งสัญญาณเสียงและทำการสั่นเตือนที่พวงมาลัย (ทุกรุ่น)
- ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-View Camera System - MVCS) โดยระบบจะทำงานผ่านกล้องที่ติดตั้ง 4 จุดรอบคัน ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านซ้าย และด้านขวา โดยสามารถแสดงภาพได้ครบทุกมุมมองหรือภาพจำลองจากมุมสูงเพื่อให้เห็นทุกทิศทางรอบคัน ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็นได้อย่างชัดเจน(เฉพาะรุ่น HYBRID TECH)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย(Cross Traffic Monitor - CTM)จะทำงานร่วมกับระบบกล้องรอบทิศทางเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ขณะถอยหลัง โดยระบบจะทำการเตือนด้วยเสียงและสัญลักษณ์แสดงบนหน้าจอ เมื่อมีรถยนต์คันอื่นขับสวนเข้ามาทางด้านซ้ายหรือขวาของรถขณะถอย ซึ่งระบบนี้มีประโยชน์สำหรับผู้ขับขี่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขับถอยหลังในลานจอดรถที่มีรถหนาแน่นและมีมุมที่บังสายตาจากที่นั่งของผู้ขับขี่ (เฉพาะรุ่น HYBRID TECH)
- ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System) ระบบจะช่วยควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติ โดยเพียงแค่เดินหน้าหรือถอยหลังไปตามคำแนะนำ และตามตำแหน่งที่ระบุบนหน้าจอ ช่วยอำนวยความสะดวกให้การจอดรถแนวขนานและการถอยหลังเข้าจอดทำได้อย่างง่ายดาย(เฉพาะรุ่น HYBRID TECH) และยังครบครันด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอันล้ำสมัย ได้แก่ ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) เพียงใช้นิ้วดึงสวิตช์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลางเมื่อต้องการใช้เบรกมือ และระบบจะคลายเบรกโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบคันเร่ง (ระบบจะคลายเบรกในกรณีที่ผู้ขับขี่คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เท่านั้น) ระบบ Brake Hold อัตโนมัติ (Auto Brake Hold) เมื่อกดปุ่มเปิดให้ระบบทำงาน ระบบจะทำการหน่วงเบรกต่อโดยอัตโนมัติ หลังจากเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนตัว โดยไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกค้างไว้ และระบบจะคลายเบรกโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบคันเร่ง (ระบบจะคลายเบรกในกรณีที่ผู้ขับขี่คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เท่านั้น)
*เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) (เฉพาะรุ่น HYBRID และ HYBRID TECH)
ผสานการทำงานของเรดาร์และกล้องด้านหน้า ในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่และช่วยควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ขับขี่ และเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน ซึ่งมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย
- ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)เป็นระบบที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วของรถเมื่อมีรถคันข้างหน้า รถสวนทาง หรือคนเดินถนนอยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีที่มีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนองหรือในกรณีที่อยู่ในระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องและเรดาร์ตรวจจับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามรถคันหน้าอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ภายในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับจากการขับขี่
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure MitigationSystem with Lane Departure Warning : RDM with LDW)เป็นระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางจนอาจเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็ว (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)เป็นระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือมีรถยนต์ด้านหน้า
และท้ายนี้ท่านผู้อ่านคงเห็นแล้วว่า คุณสมบัติของฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ที่จัดเต็มมาเพื่อลูกค้าขนาดนี้ จึงเป็นเหตุผลส่วนตัวที่ ผู้เขียนเทใจให้กับฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ไปเต็มๆ เลยจ้า
#########