บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งข่าวว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) และเมอร์เซเดส-เบนซ์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) พร้อมส่งออก “Mercedes-Benz S 450 4MATIC Long Wheelbase” รถยนต์รุ่นแฟลกชิปของเมอร์เซเดส-เบนซ์ไปยังประเทศเวียดนาม ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ (เวียดนาม) โดยจะเริ่มต้นส่งออกรถยนต์ชุดแรกไปยังเวียดนามภายในปีนี้ ก่อนที่จะดำเนินการส่งออกอย่างต่อเนื่องในปีต่อๆ ไป นับเป็นก้าวสำคัญในเชิงความร่วมมือระหว่างแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ของสองประเทศ พร้อมเน้นย้ำศักยภาพในการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์อาเซียนในอนาคต
มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หลังการเปิดตัวรถยนต์รุ่น S-Class ใหม่ไปเมื่อปีที่แล้วและได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย วันนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยมีความภาคภูมิใจที่จะส่งมอบรถยนต์รุ่นแฟลกชิปคันนี้ที่ประกอบในประเทศไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่อุตสาหกรรมยานยนต์มีศักยภาพในการเติบโตที่ดี นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญร่วมกันระหว่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย และเมอร์เซเดส-เบนซ์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ที่เกิดขึ้นจากความทุ่มเทของทีมงานที่ยอดเยี่ยมในแผนกต่าง ๆ ของทั้งสองบริษัท ทั้งนี้ เวียดนามจะเป็นประเทศแรกในภูมิภาคที่เราส่งออกรถยนต์รุ่น S-Class โดยเรายังประเมินความเป็นไปได้ร่วมกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศเวียดนามในการส่งออกรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ไปยังเวียดนาม พร้อมกับมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการทำธุรกิจกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนด้วยเช่นกัน”
มร. มาร์ค เบอร์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มองหาโอกาสในการส่งออกภายในภูมิภาคอยู่เสมอ โดยพิจารณาจากข้อตกลงการค้าระดับภูมิภาคทั้งที่มีอยู่และที่อาจเกิดขึ้นใหม่ การส่งออกรถยนต์รุ่น S-Class จากประเทศไทยไปเวียดนามเป็นโครงการส่งออกโครงการแรก ซึ่งนับว่าสอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ระดับภูมิภาคของเรา และหากมีความเป็นไปได้ในเชิงการค้า เราก็พร้อมพิจารณาการส่งออกรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ด้วยโดยไม่จำกัดเฉพาะการส่งออกไปยังประเทศเวียดนาม แต่ยังรวมถึงประเทศอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เราทำงานร่วมกับสำนักงานใหญ่ของเรา รวมถึงเมอร์เซเดส-เบนซ์ในประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนเพื่อประเมินศักยภาพทางธุรกิจในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ทั้งการพิจารณารถยนต์รุ่นอื่น ๆ สำหรับการนำเข้าหรือส่งออกที่เป็นไปได้นอกเหนือจากรุ่น S-Class ซึ่งปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ต้องพิจารณาก็คือ กรอบภาษีและอากรที่มีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าลักชัวรีของลูกค้าได้อย่างดีที่สุด ทั้งนี้ ต้องเน้นย้ำว่าเราจะไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จของวันนี้ได้หากปราศจากแรงงานไทยที่มากด้วยทักษะ ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่ารถยนต์ทุกคันที่ผลิตขึ้นที่นี่ถึงพร้อมด้วยคุณภาพที่ดีที่สุดและพร้อมที่จะส่งออกไปยังทุกประเทศในโลก”
การประกาศการส่งออก Mercedes-Benz S-Class ไปยังเวียดนามเกิดขึ้นได้อย่างประสบผลสำเร็จภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้าอย่างเสรีในภูมิภาค ส่งผลให้มีการกีดกันทางการค้าน้อยลง และมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน พร้อมกับช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจ เกิดการค้าเพิ่มมากขึ้น และทำให้ตลาดขยายขนาดใหญ่ขึ้น ตลอดจนเกิดการประหยัดต่อขนาดสำหรับธุรกิจ ภายใต้ความตกลง ATIGA ประเทศบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ได้งดเว้นภาษีนำเข้าภายในอาเซียนที่ร้อยละ 99.65 ของอัตราภาษีศุลกากร ส่วนกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม สามารถลดภาษีนำเข้าได้ร้อยละ 0-5 จากร้อยละ 98.86 ของอัตราภาษีศุลกากร ทั้งนี้ในปัจจุบัน ได้มีการให้ความสำคัญมากขึ้นกับการจัดการกับมาตรการที่ไม่ใช่มาตรการภาษีที่อาจมีผลกระทบที่เป็นอุปสรรคที่ไม่ใช่เรื่องภาษีอันมีผลต่อกิจกรรมการค้าและธุรกิจของภูมิภาค
Mercedes-Benz S 450 4MATIC Long Wheelbase เป็นรถยนต์รุ่นใหม่เจเนอเรชันล่าสุดในครอบครัว Mercedes-Benz S-Class ที่พร้อมนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดภายใต้ความหรูหรา ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยขั้นสูงสุด เมอร์เซเดส-เบนซ์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) ดำเนินการประกอบรถยนต์รุ่นนี้ภายในโรงงานของบริษัทในจังหวัดสมุทรปราการ
เกี่ยวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี
เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี เป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจทั่วโลกของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 170,000 คนทั่วโลก โดยมี โอล่า คัลเลนเนียส เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ รถตู้ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ นอกจากนั้น ยังมีเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำของโลกในด้านยานยนต์ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์รถยนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และแบรนด์ย่อย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค เมอร์เซเดส-อีคิว จี-คลาส และแบรนด์สมาร์ท โดยแบรนด์เมอร์เซเดส มีนำเสนอการเข้าถึงบริการด้านดิจิทัลจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารระดับพรีเมียมรายใหญ่ที่สุดของโลก
ในปี 2563 บริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลราว 2.1 ล้านคัน และรถตู้เกือบ 375,000 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ขยายเครือข่ายการผลิตใน 2 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตราว 35 แห่งใน 4 ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3 ทวีป การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อกลยุทธ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์และต่อบริษัท
สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม โดยอาศัยพื้นฐานของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของเดมเลอร์ ซึ่งมุ่งรับผิดชอบต่อผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม จากกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท และให้ความสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม