นายวิสุทธิ์ เหมพรรณไพเราะ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เปิดเผยถึงการเดินหน้าส่งเสริมจริยธรรมในการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วในช่วงต้นปี พ.ศ.2561จนถึงปัจจุบันกับ"ข่าวรถออนไลน์"ว่า ที่ผ่านมาทางสมาคมฯ ได้เดินหน้าโครงการดีๆ หลายโครงการแต่อีกหนึ่งโครงการสำคัญที่จะหยิบหยกมากล่าวถึงโดยถือเป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญนั่นก็คือทางสมาคมฯ ได้ทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)ภายใต้ “โครงการรณรงค์การใช้ฉลากรถยนต์ใช้แล้ว และหลักฐานการรับเงินที่ถูกต้องภายใต้ตราสัญลักษณ์ของสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว”โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1.เพื่อประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ ความเข้าใจต่อผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค เกี่ยวกับการใช้ฉลากรถยนต์ใช้แล้ว และหลักฐานการรับเงินที่ถูกต้อง 2.เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และทัศนคติที่ดีในการซื้อขายรถยนต์ใช้แล้วของสมาชิกสมาคมฯ ต่อผู้บริโภค และ 3.เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงความแตกต่างของคุณภาพสินค้า และบริการของสมาชิกสมาคมฯ กับผู้ประกอบการทั่วไป และเป็นการประชาสัมพันธ์สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วให้เป็นรู้จักมากขึ้น
และตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – สิงหาคมที่ผ่านมาสมาคมฯ ได้มีการประชาสัมพันธ์โครงการให้กับผู้บริโภคได้รับรู้ถึงความสำคัญของฉลากรถยนต์ใช้แล้ว และหลักฐานการรับเงิน และการประชาสัมพันธ์ถึงวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องให้เพื่อนสมาชิกเพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกันอย่างต่อเนื่อง
ในการนี้ท่านพลตำรวจตรี ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะที่ปรึกษาของโครงการฯ ได้มอบหมายให้คุณดาลัด รยะสวัสดิ์ รักษาการผู้อำนวยการกลุ่มตรวจสอบภายในร่วมกับคณะกรรมการสมาคมฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม เพื่อให้คำแนะนำผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วในเขตพื้นที่ต่างๆ ได้แก่ จังหวัดระนอง, จังหวัดชลบุรี และพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล (ถนนกาญจนาภิเษก, ถนนศรีนนครินทร์ และเขตมีนบุรี)ซึ่งเร็วๆ นี้จะมีลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดนครสวรรค์อีกด้วย
ทางสมาคมฯ มีความตั้งใจที่ส่งเสริมให้สมาชิกในสมาคมฯ ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย และพร้อมที่จะสนับสนุนสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยได้มีการลงประชาสัมพันธ์สมาชิกในสื่อของสมาคมฯ มาโดยตลอดในส่วนของผู้บริโภคถ้าอยากจะซื้อรถยนต์ใช้แล้วจากผู้ประกอบการรายต่างๆ ได้อย่างมั่นใจให้สังเกตง่ายๆ จากฉลากรถยนต์ใช้แล้วที่ติดที่ตัวรถยนต์ภายในโชว์รูม ถ้าเป็นฉลากสีฟ้าที่มีโลโก้รูปโล่ที่เป็นตราสัญลักษณ์ของสมาคมฯ ให้มั่นใจได้เลยว่าผู้ประกอบการรายนั้นๆ เป็นสมาชิกที่ผ่านการคัดกรองจากสมาคมฯ ว่ามีการประกอบธุรกิจโดยสุจริต โปร่งใส และถูกต้องตามกฎหมายครับ มาร่วมกันสนับสนุนผู้ประกอบการที่ทำดี ถูกต้องตามกฎหมายด้วยกันนะครับ
นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากความร่วมมือต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แล้ว ในปีนี้ทางสมาคมฯ ยังได้สร้างความร่วมมือต่อสำนักงานป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงินด้วยเช่นกัน
สำหรับกฎหมายว่า ด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินนับว่าเป็นกฎหมายใหม่สำหรับผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้กฎหมายว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงินผู้ประกอบการหลายท่านคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวมาโดยตลอด และจากที่ได้ทำงาน และประสานงานร่วมกับหน่วยงาน ปปง. มาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน ทำให้รู้ว่ากฎหมายการฟอกเงินนั้นใกล้ตัวกว่าที่คิด เพราะกฎหมายได้ประกาศออกแล้วว่ากำหนดหน้าที่ให้ผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ทั้ง 10 ประเภท เช่น ผู้ค้าขายอัญมณี เพชร พลอย ทองคำ ผู้ค้าของเก่า ผู้ประกอบอาชีพบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงิน เป็นต้น ต้องทำการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงของลูกค้าจากเดิมที่กำหนดเป็นหน้าที่เฉพาะของผู้ประกอบอาชีพ ให้คำแนะนำหรือที่ปรึกษาในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับการลงทุน และผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้นที่มีหน้าที่ทำการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงของลูกค้า
ซึ่งทางสมาคมฯ เห็นสำคัญในตัวบทกฎหมาย และพร้อมที่จะปฏิบัติตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อแสดงตนว่า เราคือผู้ประกอบการที่ดี มีความโปร่งใส จึงได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะที่ดำเนินงานหลักเกี่ยวกับกฎหมายการฟอกเงินจากทุกภูมิภาค เข้าประสานงานกับหน่วยงาน ปปง. เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างกัน โดยมีภารกิจดังนี้
1. สมาคมฯ จะเป็นองค์กรกลางที่เป็นผู้แทนจาก ปปง. ในการประชาสัมพันธ์ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับกฎหมาย และข้อมูลข่าวสารต่างๆ จาก ปปง. สู่ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วภายในสมาคมฯทุกภูมิภาค
2. สมาคมฯ จะเป็นองค์กรกลางที่ช่วยในการจัดฝึกอบรม ร่วมกับ ปปง. (มี 2 หลักสูตร)
2.1 จัดอบรมให้ความรู้ และทำ Workshop เกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติต่างๆ ให้ถูกต้องตาม กฎหมายของ ปปง.
2.2 จัดอบรมเกี่ยวกับกฎหมาย (แบบเข้มข้น) โดยวิทยากรของ ปปง. ตามกฎหมายไม่ต่ำกว่า 10 ชม. ซึ่งสมาคมจะเป็นผู้จัดอบรมและเชิญสมาชิกจากทั่วประเทศเข้าร่วมอบรม พร้อมกับเชิญวิทยากรจาก ปปง. มาบรรยาย
3. สมาคมฯ จะร่วมกับ ปปง. ในการลงพื้นที่สัญจรในภูมิภาคต่างๆ ในการตรวจเยี่ยม เพื่อแนะนำผู้ประกอบการในการปฏิบัติที่ถูกต้อง
“นับว่าเป็นมิติใหม่ในการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชนในรูปแบบบูรณาการผมเชื่อว่ากฎหมายใดก็ตามที่ภาครัฐออกมา มันจะเกิดผลกระทบทั้งด้านบวกและลบต่อภาคเอกชน ผู้ประกอบการ และประชาชนแน่นอนดังนั้นภาครัฐต้องให้เวลาในการทำความเข้าใจและปรับตัว เมื่อทุกฝ่ายมีความเข้าใจแล้วจะสามารถปฏิบัติตามได้อย่างแน่นอนซึ่งผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางสมาคมฯ จะได้รับความไว้วางใจจากภาครัฐในการสร้างความร่วมมือ และดำเนินงานร่วมกันเช่นนี้ต่อไปในอนาคตครับ”นายวิสุทธิ์ กล่าวในตอนท้าย.
#########